เชียงใหม่มีอะไรเด็ดๆหน่อย เพราะ 13 - 15 นี้ ผมมีไปถ่ายงานบี-ควิก ที่โน่น จะได้ไปทำคอนเทนต์ด้วย

ไปญี่ปุ่นมาก็หลายครั้ง ของก็เคยหาย แถมได้คืนด้วย

แต่รายนี้ต่างออกไป เอาใจช่วยนะครับ
อ่านไปก็รู้สึกสงสาร และเห็นใจ และ เข้าใจเลย เป็นอุทาหรณ์ดีครับ ลองอ่านดู

ประสบการณ์เรื่องกระเป๋าหายที่ญี่ปุ่นเล่าให้ฟังคร่าวๆนะครับ

ถ้าจะสรุปสั้นๆ
แบบไม่ต้องลุ้นยาวๆ
คือ ทรัพย์สินทั้งหมดในกระเป๋าติดตัว
หายหมดเกลี้ยงครับ!

ขโมยหยิบไป ทิ้งไว้ให้
เพียงแค่พาสปอร์ตเท่านั้น
และตอนนี้กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว
รอทำเรื่องเคลมกับ
#Cignaประกันภัย
ว่าจะรับผิดชอบอะไรให้ได้บ้าง

รายละเอียดเพิ่มเติม
เผื่อบางท่านอยากทราบ
ในกรณีเกิดขึ้นกับตัวเองจะต้องทำอย่างไร

กระเป๋าหายบริเวณสวนสาธารณะ Shiba park
ใกล้ๆกับTokyo tower
ตั้งใจจะไปถ่ายรูปกับโตเกียว ทาวเวอร์
เผลอวางกระเป๋าไว้เพื่อตั้งกล้องถ่ายรูป
หรือถูกฉกตอนเข้าห้องน้ำสาธารณะ
ไม่แน่ใจ
แต่หายที่2จุดนี้แน่ๆ
(ถ้าดูกล้องวงจรปิดบริเวณนั้น
เห็นขโมยแน่นอน เพราะกระเป๋ามีลักษณะเฉพาะที่จำได้)
มั่นใจว่าลืมไว้ไม่เกิน15-20นาที
วิ่งมาดูอีกทีกระเป๋าไม่มีแล้ว!

มีคนบอกว่า
อาจเป็นแก๊งค์ชาวเวียดนามหรือจีน
แต่ผมไม่ฟันธงนะครับ
ไม่อยากโทษใคร
เพราะเราไม่มีหลักฐาน

เรื่องนี้100% ผมโทษตัวเองเต็มๆ
ที่ประมาท เผลอเรอเอง

กระเป๋าคาดอกเพิ่งซื้อใหม่
จากร้านTaywin1ใบ
เงินญี่ปุ่นทั้งหมดเหลือติดตัวราวๆ20,000เยน
เงินไทยที่มีติดตัว
ไอแพดAir2 ความจุ64Gb ราคาซื้อมือหนึ่ง28,000บาท
(ใช้มาราว2-3ปี)
หายไปพร้อมข้อมูลสำคัญ
นาฬิกาSeiko 1เรือน
10,000กว่าบาท
แว่นตา
บัตรปชช. บัตรAtmหลายใบ
ล็อคเก็ตในหลวงหายาก
Memory cardหลายชิ้น
รูปถ่ายคนรัก
ของฝากชิ้นเล็กๆหลายชิ้น
ของสำคัญติดตัวทั้งหมดหายเกลี้ยง!!
(ยังดีทีเงินหายในวันสุดท้ายก่อนกลับไทย ทำให้ใช้เงินไปเยอะแล้ว
ถ้าหายวันแรกๆ น่าเสียดายเงินกว่านี้อีก)

คุณเคยได้ยินมาใช่ไหมว่า
ถ้าของหายในญี่ปุ่น
มักจะได้คืน
ผมก็ได้ยินมาแบบนั้น..

แต่ชีวิตจริง
มันไม่ใช่ครับ
คนหยิบไปอาจไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็ได้
แต่ผมก็พูดได้ไม่เต็มปากเหมือนกันว่า
คนญี่ปุ่นไม่ได้หยิบไป
วันที่เดินแถวนั้นในวันนั้น
แทบไม่เห็นชาวต่างชาติเลย
ในนั้นมันมีทรัพย์สิน
อะไรก็เกิดขึ้นได้
ดังนั้น เวลาไปเที่ยว
อย่าประมาทนะครับ
แม้แต่ในดินแดนที่ขึ้นชื่อว่า
ปลอดภัยที่สุดในโลก
อย่างญี่ปุ่น

ที่รู้ว่ากระเป๋าไม่ได้คืนแน่ๆเพราะ
ขโมยทิ้งคืนไว้ให้เพียงแค่"พาสปอร์ต"

ที่มีคนไปเห็นแล้วเอาไปฝากไว้
ที่ป้อมตำรวจที่ห่างไกลออกไป
จากจุดที่หายพอสมควร

เดินเท้าไกลมาก
ใช้เวลาหาหลงไปหลงมาราว40นาที
เพื่อหาสถานีตำรวจใหญ่แถวนั้น(จำชื่อสถานีไม่ได้)
แจ้งความแล้ว
เค้าโทรประสานกันประมาณ20นาที
ในความรู้สึกตอนนั้นคือนานมาก
ต้องยืนทำเรื่อง ไม่มีแม้แต่เก้าอี้ให้นั่ง
เค้าบอกว่ามีข่าวดี
คือพบพาสปอร์ตคุณแล้ว
แต่พบเพียงOnly your passport
และเค้าออกแบบฟอร์มมาให้ใบนึง
และต้องเดินเท้าไปรับไกลมาก
เค้าบอกคุณต้องเดินเท้าราวๆ25นาที
(แต่คนไทยเหนื่อยๆอย่างผม เดินไป ถามทางไป ใช้เวลาเกือบชั่วโมง)
ไปรับที่ป้อมตำรวจเล็กๆแห่งนึง
ระยะทางราวๆ5-10กิโลเมตร
ติดกับสถานฑูตอเมริกา
(ความรู้สึกของการเดินคือ
ประมาณจากเดอะมอลล์บางกะปิ
เดินไปเซ็นทรัลลาดพร้าว)
เดินไกลมาก น้ำตาเริ่มซึมออกมาเรื่อยๆ
โดยที่ไม่มีใครอาสาขับรถไปส่ง
หรือประสานงานนำพาสปอร์ตมาให้
ทั้งที่เรายืนยันว่าเงินหายหมด
ไม่มีเงินติดตัวเลย
(ตอนนั้นหิวข้าวมากๆ)

ไม่มีเวลาคิดอะไรนาน
ทุกอย่างต้องเร่งรีบ
แข่งกับเวลา
ต้องรีบกลับไปโรงแรม
เพราะเพื่อนรออยู่ที่โรงแรม
เราต้องนั่งรถต่อไปนอนยังสนามบิน
เพราะต้องบินไฟลท์เช้ามาก
กลัวตกเครื่อง

วินาทีที่ได้รับ
พาสปอร์ตคืน
ใจนึงก็ดีใจที่โชคยังเข้าข้างบ้าง..

อีกใจก็เสียดายทรัพย์สินทั้งหมด
(แต่ถ้าไม่ได้พาสปอร์ตคืนจะยุ่งยากกว่านี้มาก)

เพื่อนโทรไปสถานฑูตไทย
เวลาราว15.30ที่โน่น
เสียงเป็นระบบอัตโนมัติโอนไปโอนมา
โดยไม่ได้เรื่องราวอะไรเลย
นานราว20นาที จนต้องวางหูก่อน
ถ้าโดนอะไรด่วนๆ
พูดได้ว่า รอความตายอย่างเดียว
(วันนั้นเป็นช่วงวันวัฒนธรรมญี่ปุ่น
เค้าหยุดทำการ3-5วัน)
แต่ เหตุด่วนเหตุร้าย
ที่ต่างประเทศ
มันไม่มีหยุดทำการนี่ครับ
มันเกิดได้24ชั่วโมง

ภาษาและการสื่อสาร
ของตำรวจญี่ปุ่นกับเรา
อาการหนักพอกัน
คือเรียกได้ว่า Lost in Translate
เข้าใจกันได้แค่10-20%มั้ง
ยิ่งศัพท์เกี่ยวกับคดี
สื่อสารยากมาก
การขอดูกล้องวงจรปิด
จึงไม่ต้องพูดถึง

เค้าให้กรอกข้อมูลประมาณว่า
ถ้าเจอกระเป๋าจะให้ส่งคืนที่ไหน
โดยมีแบบฟอร์ม
เป็นภาษาไทยให้ดูเป็นตัวอย่าง
โดยเรากรอกเป็นภาษาอังกฤษ
ผมกรอกไว้
แม้ไม่มีหวังจะได้คืนแต่อย่างใด
เพราะถ้าเค้าจะคืน
คงไม่ทิ้งไว้เพียงพาสปอร์ต

ผมจะทำเรื่องขอใบแจ้งความ
เพื่อเคลมประกัน
เค้าโอนสายให้คุยกับตำรวจ
ที่พูดอังกฤษได้
สื่อสารนานมาก
เนื่องจากเป็นศัพท์ทางรูปคดี

สรุปคือคุณต้องมาเวลาทำการ
8โมงเช้า วันพรุ่งนี้
(ใบแจ้งความยังต้องขอเวลาทำการ เค้าไม่ทำ24ชั่วโมงนะครับที่นี่)
แต่ผมไม่มีเวลารอขนาดนั้น
ผมต้องไปนอนสนามบินคืนนี้แล้ว..

ผมรับพาสปอร์ตคืนมา
ตอนนั้นฟ้าเริ่มมืด
ผมบอกตำรวจว่าผมไม่มีเงิน
ผมต้องกลับโรงแรม
หิวข้าวมากด้วย

เค้าตอบสั้นๆเพียงว่า
"เสียใจ ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้"
ผมน้ำตาคลอนิดๆ
นี่สินะ ชีวิตจริงที่ไม่เหมือนละคร
ผมเดินจากป้อมตำรวจเล็กๆนั้นมา
พร้อมกับฟ้าที่มืดสนิทลง

ภาพในจินตนาการ
ที่ว่าตำรวจจะขับรถไปส่งโรงแรม
หาข้าวให้กิน
เอาเป็นว่าไม่มีนะครับ
ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ
เค้าไม่เสนอความช่วยเหลือนะครับ
แม้กระทั่งเราเอ่ยปากด้วยซ้ำ..

ไม่มีแม้น้ำให้กินสักแก้ว..

ล้วงกระเป๋ากางเกงลงไป
โชคยังดีที่
เจอบัตรSuica
ที่ใช้นั่งรถไฟหรือซื้อน้ำกินได้
ดีที่ใส่ในกระเป๋ากางเกงเอาไว้

แต่ผมก็ไม่กล้าซื้ออะไรกินอยู่ดี
ทั้งที่หิวมาก
เพราะกลัวเงินไม่พอกลับโรงแรม
ที่ย่าน Jimbocho

ผมเดินโซเซมาเรื่อยๆจนถึง
ถนนรปปงงิ
(เดินมาไกลมาก)
แล้วลงรถไฟใต้ดิน
ภาวนาให้เงินที่เหลือในบัตร
พอจะนั่งรถไฟกลับถึงโรงแรมได้
โชคดีที่เหลือ500กว่าเยน
พอต่อรถไฟใต้ดิน2-3ต่อถึงโรงแรม
ขึ้นมาจากสถานี
สิ่งแรกที่ผมทำคือ
แวะเข้าแฟมิลี่
ซื้อซาลาเปา100กว่าเยน
ตอนกินต้องประคอง2มือ
เพราะมือสั่นมาก

และมูลค่าในบัตรSuica
หมดเกลี้ยงพอดี!

ปล.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขอบคุณเพื่อนที่ไปด้วย ที่คอยตามเรื่องและประสานตำรวจญี่ปุ่นกับสถานฑูตด้วยความห่วงใย พร้อมกับคำพูดที่ไม่มีวันลืม เราไม่ทิ้งเพื่อน ถ้าตกเครื่องก็ตกด้วยกัน พร้อมให้เงินติดตัวมาอีก ซึ้งใจมากๆ ไม่มีวันลืม

และขอบคุณแฟนที่ปลอบใจ ไม่ซ้ำเติม

บาหลีกำลังมาแรงสุดๆในช่วงนี้ครับ ปีที่แล้วผมไปมาหลายที่ด้วยกัน ใครสนใจลองตามเข้าไปอ่านเป็นไอเดียดูนะครับ

เปียง

#BaliVibesOnly #PYONGDOCTOR

BALI VIBES ONLY บาหลี ฉบับ คูล
Bali Beach Club Hopping เยือน 6 สุดยอด บีชคลับในบาหลี

สวัสดีครับ ผมเปียงเองครับ เป็นไงกันบ้างครับ ครึ่งเดือนผ่านไป เหนื่อยกันไหมเอ่ย? วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวบาหลีกัน บาหลีต้องเรียกว่ามาแรงจริงๆ ครับ ใครๆก็ไปบาหลี มีคนรีวิวไว้ดีๆ เยอะมากครับ กลัวเบื่อกัน ผมเลยอยากจะนำเสนออะไรที่แปลกออกมาเสียหน่อย ไม่ให้ชนกับกระแสหลัก

ที่บาหลี ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการซึมซับ ‘Bali Vibes’ แบบจริงๆจังๆ โดยการทำกิจกรรมโง่ๆ เช่น การนั่งริมทะเล จิบเครื่องดื่มและฟังเพลงชิวๆ ที่ beach club พักผ่อนในที่พักและแช่ตัวในสระ อะไรแบบนั้น

มาเริ่มต้นกันที่ beach club ครับ พาร์ทนี้สายฝอจะต้องชอบแน่นอน ที่ประเทศไทยแม้จะมีให้เที่ยวอยู่ตามจังหวัดท่องเที่ยวดังๆ อยู่บ้าง แต่ด้วย คุณภาพแดด ลมทะเล และสิ่งที่สำคัญคือ ‘crowd’ คุณรู้หรือไม่ว่าที่บาหลีนี่ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา หรือวันหยุด ที่นี่ก็จะที่นักท่องเที่ยวคับคั่งอยู่ตลอด สมกับเป็นเมืองสำหรับพักร้อนที่แท้จริง ในความคิดของผม สิ่งนี้แหละ ทำให้ beach club ไทย ยังดูไม่เปรี้ยงเท่าที่ผมไปในบาหลีที่มีคนแน่นอยู่ตลอด ไปดูกันครับว่า beach club ที่โน่น vibes มันเป็นยังไง ผมไปเยือนคลับดังๆ ถึง 6 แห่งด้วยกัน แต่ละที่มี gimmick ที่แตกต่างกันไป

พร้อมแล้วหรือยัง เตรียมชุดว่ายน้ำไว้ด้วย แล้วตามผมมาเลยครับ

เปียง

#BaliVibesOnly #PYONGDOCTOR

Please Subscribe:
http://Youtube.com/chatpawee
http://Facebook.com/chatpawee
http://Twitter.com/ceemeagain
http://Google.com/+ceemeagainchatpawee
ติดต่อโฆษณากับรายการ : Sociallab.co.ltd 091-819-7925

--------------------------------------------------

คือไปเกาหลีกับ Mille มาแหละ เค้าพาไปเปิดตัว Line Friends x Mille ที่โน่น แถมพาไปเยี่ยม shop แบรนด์ที่เค้านำเข้ามาด้วย ทั้ง A'pieu และ Moonshot จะเป็นยังไง แล้วใครไม่รอ แล้วไม่รอใคร แล้วตกลงต้องรอใครมั้ย ดูต่อ...ไม่รอแล้วน้าาา!! 555

กด Like กด Share กด Subscribe เป็นกำลังใจกันได้นะครับ
ขอบคุณที่เข้ามารับชมกันครับ ^^


..................................................

ติดตามน้อยหนึ่งช่องทางอื่นๆได้ที่ :

Instagram : http://instagram.com/noyneungmakeup
Facebook : https://www.facebook.com/noyneungmakeup
Blog : http://noyneungmakeup.bloggang.com
Twitter : https://www.twitter.com/noyneungmakeup