[爆卦]ดำริ แปลว่า是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇ดำริ แปลว่า鄉民發文沒有被收入到精華區:在ดำริ แปลว่า這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ดำริ產品中有2篇Facebook貼文,粉絲數超過1萬的網紅sittikorn saksang,也在其Facebook貼文中提到, ความมั่นคงของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ​​​​​ สิทธิกร ศักดิ์แสง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ...

  • ดำริ 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答

    2020-03-04 16:18:57
    有 22 人按讚

    ความมั่นคงของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
    ​​​​​
    สิทธิกร ศักดิ์แสง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

    พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน ที่มีความสำคัญอย่างมาก พรรคการเมือง ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Political Party” หรือโดยทั่วไปมักใช้คำว่า “Party” คำเดียวต่อท้ายชื่อพรรค เช่น The Conservative party ในประเทศอังกฤษหรือ
    The Democratic party ในประเทศสหรัฐอเมริกา
    ความหมายของพรรคการเมือง
    การให้ความหมายพรรคการเมืองที่ให้คำนิยามของคำว่า “พรรคการเมือง” ต่างก็ให้ความหมายพรรคการเมืองที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน คือ ในต่างประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนี กฎหมายพรรคการเมืองได้ให้คำจำกัดความสำหรับคำว่า “พรรคการเมือง” ไว้ในมาตรา 2 อนุมาตรา 1 ว่า “พรรคการเมือง คือ การรวมกลุ่มของพลเมืองอย่างถาวรหรือเป็นระยะเวลานานๆ เพื่อเข้าไปมีอิทธิพลต่อการสร้างเจตจำนงทางการเมืองไม่ว่าจะดำเนินการในระดับสหพันธ์หรือระดับมลรัฐและประสงค์ที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหพันธ์หรือสภาแห่งมลรัฐ หากว่าเมื่อพิจารณาถึงภาพรวมตามสภาพความเป็นจริงทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแง่ของจำนวนสมาชิกและในแง่ของการปรากฏตัวต่อสาธารณชนแล้ว ชี้ชัดว่าการรวมกลุ่มนี้มีความตั้งใจที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้” G.A. Jacobsen and M.H. Lipman ให้ความหมายว่า “พรรคการเมือง คือ คนกลุ่มหนึ่งซึ่งรวมกันได้โดยยึดหลักการเหมือนกันเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติหรือจัดรวมกันเป็นสมาคมหรือองค์กรผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะควบคุมบุคคลและนโยบายของรัฐ” เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยมีนักวิชาการได้ให้ความหมายพรรคการเมืองไว้ เช่นศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย ให้ความหมายว่า “พรรคการเมือง หมายถึง คณะบุคคลซึ่งร่วมก่อตั้งเป็นพรรคขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมความคิดเห็นในทางการเมือง กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมืองเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งผู้แทน โดยวิถีทางประชาธิปไตย” ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ให้ความหมายว่า “พรรคการเมืองต้องเป็นบุคคลที่มีการจัดที่มีการจัดตั้งเป็นองค์กรโดยมีอุดมการณ์และวัตถุประสงค์ร่วมกัน คือ การยึดกุมอำนาจรัฐหรือการบริหารประเทศโดยกลุ่มการเมืองใดที่ไม่มีลักษณะดังกล่าวครบถ้วน กลุ่มการเมืองนั้นย่อมมิใช่พรรคการเมือง” เป็นต้น
    ​แต่เมื่อพิจารณาความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 4 ได้ให้ความหมายของพรรคการเมืองไว้ว่า “พรรคการเมือง หมายความว่าคณะบุคคลที่รวมตัวกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้”
    ​จากคำนิยามความหมายของพรรคการเมืองของต่างประเทศและของประเทศไทยข้างต้นผู้เขียนขอสรุปประเด็นความหมายของการเป็นพรรคการเมืองได้ ดังนี้
    ​1. พรรคการเมืองต้องมีการรวมตัวเป็นกลุ่ม ชมรม หรือสมาคม (Association) ซึ่งจะมีสมาชิกหรือจำนวนบุคคลมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศจะบัญญัติไว้
    ​2. พรรคการเมืองเป็นกลุ่มบุคคล ชมรม หรือสมาคม ต้องมีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาสาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมในหลักการใหญ่ๆที่เหมือนกัน
    ​3. พรรคการเมืองเป็นกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันนี้ ต้องมีกำหนดการ (program) และนโยบาย (policy) ที่ชัดแจ้งและแน่นอนลงไป แสดงต่อผู้เลือกตั้งให้ทราบเพื่อจะได้มีชัยชนะในการเลือกตั้ง
    ​4. พรรคการเมืองเป็นกลุ่มบุคคลจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะไปควบคุมและกำหนดนโยบายรัฐบาลจัดการบริหารประเทศและออกกฎหมายตามแนวนโยบายของพรรคทั้งหมดหรือบางส่วนเท่าที่สามารถจะทำได้มากที่สุด
    ​5. พรรคการเมืองเป็นกลุ่มบุคคลที่จัดตั้งพรรคเมืองจะต้องมุ่งที่จะส่งสมาชิกเข้ารับสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
    หลักการพื้นฐานพรรคการเมือง เมื่อพิจารณาตามหลักธรรมชาติในการรวมของมนุษย์เป็นสังคมจะมีลักษณะของการรวมตัวแบบชุมชนและการรวมตัวแบบสมาคม ซึ่งพรรคการเมืองจะเป็นการรวมตัวแบบสมาคมที่มีหลักการพื้นฐานอยู่ 2 ประการ ดังนี้
    1. พรรคการเมืองจะมีความแตกต่างกันในความคิดเห็นอุดมการณ์ทางความคิด คือ มองเป้าหมายที่จะกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทุกคนย่อมมีความคิดเห็นเป็นเอกเทศ แต่โดยธรรมชาติแล้วก็มีความต้องการที่จะอยู่ร่วมกัน ดังนั้นจึงควรปรับความคิดเห็นให้เข้ากับบุคคลอื่นได้บนหลักพื้นฐานทางความคิดบางอย่างให้อยู่ในกรอบแนวคิดเดียวกันเป็นนโยบายของพรรคการเมือง
    2. การรวมตัวกันอยู่เป็นหมู่เหล่า บุคคลที่มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ควรร่วมกันนำเอาความคิดเหล่านั้นก้าวไปข้างหน้าด้วยวิธีการที่มีระเบียบและส่งเสริมสนับสนุนหลักการหรือนโยบายซึ่งมีความเห็นชอบร่วมกัน
    ความสำคัญและหน้าที่ของพรรคการเมืองเพื่อความมั่นคงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
    พรรคการเมืองนับเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทนเป็นอย่างมากเป็นสถาบันทางการเมืองในการพัฒนาการเมืองการปกครองต่อสังคมต่อประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นพรรคการเมืองมีความสำคัญและบทบาทหน้าที่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้
    ​ความสำคัญของพรรคการเมือง พรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในขั้นตอนของกระบวนการทางการเมือง พรรคการเมืองมีส่วนที่จะสนับสนุนและเสริมสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองจึงเป็นที่รวบรวมบุคคลที่มีความเห็นแตกต่างกันออกไป ให้เข้าร่วมอุดมการณ์ในหลักการใหญ่ ๆ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นอาจจะยอมรับร่วมกันได้ พรรคการเมืองจะได้เป็นแกนนำในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของประชาชนเหล่านั้นให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้มีความคิดเห็นร่วมกัน ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้ความสำคัญของพรรคการเมืองอาจแยกอธิบายเป็นข้อ ๆ ได้ ดังนี้
    ​1. พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงข้างมากมีโอกาสสำคัญในการที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งก็จะสามารถนำวัตถุประสงค์ แนวนโยบายและความคิดเห็นของพรรคไปใช้ให้เป็นจริงได้ และนำนโยบายของพรรคการเมืองนั้นเป็นนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
    ​2. พรรคการเมืองเป็นศูนย์กลางที่จะรับทราบความคิดเห็น ตลอดจนความต้องการของประชาชน ประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำอะไร ไม่ให้ทำอะไรหรืออยากให้ตรากฎหมาหรือยกเลิกกฎหมายใดบ้าง
    ​3. พรรคการเมืองจะเป็นศูนย์กลางที่จะแยกแนวความคิดของประชาชนแต่ละฝ่ายออกจากกันให้เห็นชัดเจน จนอาจแบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายเป็นกลางในสภานิติบัญญัติ
    ​4. พรรคการเมืองจะเป็นผู้ประสานงานระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารให้ดำเนินการปกครองประเทศไทยโดยราบรื่น
    ​หน้าที่ของพรรคการเมือง พรรคการเมืองเป็นองค์กรสำคัญในกระบวนการทางการเมืองที่จะรวบรวม “เจตนารมณ์ทั่วไป” (General Will) ของประชาชนไปใช้ในการดำเนินการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง พรรคการเมืองจึงต้องมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
    ​1. สร้างความเป็นปึกแผ่นในมติมหาชน ด้วยการรวบรวมความคิด ความเห็นของกลุ่มชนที่มีความคิดเห็นในทำนองเดียวกัน มาจัดเป็นนโยบายหลักของพรรค เพื่อที่จะนำนโยบายนั้นนำเสนอต่อรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน
    ​2. จัดแถลงนโยบายของพรรคให้ประชาชนทราบ เพื่อประชาชนจะได้นำเอาไปพิจารณาศึกษาประกอบการตัดสินในการที่จะให้ความสนับสนุนพรรค ด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคก็ดีหรือลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้สมัครของพรรคเข้าเป็นผู้แทนก็ดีเมื่อมีการเลือกตั้ง
    ​3. คัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค เพื่อลงสมัครเข้าแข่งขัน
    ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง พร้อมทั้งสร้างผู้นำทางการเมืองไว้เสมอด้วยการจัดตั้ง “รัฐบาลเงา” (Shadow Cabinet)
    ​4. พรรคการเมืองจะต้องทำหน้าที่คอยเป็นผู้ประสานงาน ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ เช่น “กลุ่มอิทธิพล” (Pressure group) “กลุ่มผลประโยชน์” (Interest group) กับ “รัฐบาล” (Government) พร้อมทั้งต้องคอยสำรวจตรวจสอบมติมหาชนอยู่เสมอ เพราะกลุ่มเหล่านั้นจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวนโยบายสอดคล้องกับกลุ่มของตนให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง เพื่อจะให้เป็นรัฐบาลและช่วยรักษาผลประโยชน์ให้พวกตน
    ​5. พรรคการเมืองจะต้องคอยควบคุมให้สมาชิกพรรค อยู่ในระเบียบวินัยของพรรคอย่างเคร่งครัด อาทิในเรื่องการเข้าประชุมสภา การอภิปรายในเรื่องสำคัญๆ การลงมติ ฯลฯ จะต้องกระทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ หรือตามที่พรรคกำหนด พรรคการเมืองในปัจจุบันจึงต้องมีการจัดตั้งเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลของพรรคการเมือง คอยควบคุมดูแลในสภาเวลาที่มีการประชุมสภา
    ​6. พรรคการเมืองจะต้องส่งเสริมให้ประชาชนได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเมืองของประเทศ โดยให้การอบรมศึกษาความรู้ทางการเมืองแก่ประชาชน แจกจ่ายเอกสาร กล่าวปราศรัยและใช้สื่อมวลชนต่าง ๆ ส่งข่าวให้ประชาชนได้ทราบความเป็นไปของบ้านเมืองในทางที่ถูกที่ควร
    ​7. พรรคการเมืองจะต้องเปิดเผยแหล่งที่มารายได้ของพรรคการเมืองต่อสาธารณชนว่ามีรายได้จากแหล่งใด ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่าพรรคการเมืองนั้นได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผลประโยชน์กลุ่มใดในสังคม
    การจัดองค์กรของพรรคการเมืองเพื่อความมั่นคงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
    การจัดองค์กรของพรรคการเมือง เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพรรคการเมืองว่ามีความมั่นคงแค่ไหน สมควรจะมอบหมายให้รับภารกิจเป็นตัวแทนของประชาชนไปทำหน้าที่บริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อความมั่นคงของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พรรคการเมืองต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
    ​การจัดรูปองค์การของพรรคการเมือง การจัดรูปองค์การของพรรคการเมือง จะต้องมีการแบ่งงานออกเป็นสาขาต่าง ๆ และกำหนดการบังคับบัญชาจากส่วนกลางมายังส่วนภูมิภาคจนถึงระดับท้องถิ่น เพื่อช่วยในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น การจัดให้มีสาขาพรรคการเมืองแต่ละภูมิภาคหรือแต่ละเขตเลือกตั้งรวมไปถึงศูนย์ประสานงานพรรคในแต่ละตำบล เป็นต้น
    ​กลไกของพรรคการเมือง กลไกของพรรคการเมือง การทำงานทุกส่วนภายในพรรคจะต้องมีการประสานกัน จึงจะทำให้กิจกรรมของพรรคดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น มีหน่วยงานในงานสาขาที่จำเป็นและมีหัวหน้ารับผิดชอบ อันได้แก่ สำนักงานเลขาธิการฝ่ายการรณรงค์หาเสียง ฝ่ายนโยบายและการเมือง ฝ่ายการคลังและองค์การสนับสนุนต่าง ๆ เป็นต้น
    ​นโยบายพรรคการเมือง นโยบายพรรคการเมือง ควรจะมีการวางกรอบนโยบายของพรรคไว้อย่างกว้าง ๆ เพื่อให้สามารถมีความคล่องตัวในการแก้ไขหลักการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และนโยบายของพรรคสมควรจักต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคแล้วประกาศให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ
    ​การเงินของพรรคการเมือง การเงินของพรรค เงินเป็นปัจจัยยิ่งในการบริหารงานของพรรค ให้บรรลุเป้าหมายที่พรรคกำหนดไว้ เพราะพรรคจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการหาเสียงการพิมพ์เอกสาร อุปกรณ์และเครื่องใช้ในสำนักงาน สำหรับเงินของพรรคอาจมีที่มาได้หลายทาง เช่น ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ ได้รับจากสมาชิกและการจัดหารายได้ทางอื่น เป็นต้น

    ​ข้อสรุปความมั่นคงของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
    ​เพื่อความมั่นคงของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นี้ผู้เขียนเห็นว่า พรรคการเมืองต้องมีลักษณะดังนี้
    ​1. พรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของ งบประมาณของพรรคมาจากระดมทุนผ่านการบริจาค การกู้ยืมเงินโดยปราศจากดอกเบี้ยจากนที่สนับสนุนแนวคิดพรรคการเมือง เงินสมทบของสมาชิกพรรคการเมือง เงินอุดหนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
    ​2. พรรคการเมืองมีประชาธิปไตยทุระดับ เน้นการกระจายอำนาจ สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่มีบทบาททางการเมืองเพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ พรรคการเมืองต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจในการเมืองแก่เยาวชนทุกระดับชั้นควรจัดให้มีโครงการ เช่น โครงการต้นกล้าประชาธิปไตย เป็นต้น แต่โครงเหล่านั้นไม่ใช่เป็นการครอบงำทางความคิดแก่คนรุ่นใหม่
    ​3.พรรคการเมืองที่มุ่งหมายทำงานระยะยาว เพราะพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวของกลุ่มคนที่มีความคิดอุดมการณ์เดียวกันในทิศทางเดียวกันซึ่งมีความหลากหลายความคิด หลากหลายกลุ่ม ทุกเพศ ทุกรสนิยมทางเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ และต้องการเขาสู่อำนาจรัฐเพื่อผลักดันความคิดและนโยบายให้เกิดผล
    ​4. พรรคการเมืองที่สนใจความรู้วิชาการการค้นคว้าการวิจัย นโยบายที่ดีย่อมเกิดจากความรู้ การศึกษาค้นคว้างานวิจัย
    ​5.พรรคการเมืองที่สื่อสารกับประชาชนอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ พรรคการเมืองจะต้องทำสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึง เช่น ทำเวปไซด์ จัดทำวารสารต่าง ๆ เป็นต้น
    เอกสารอ้างอิง
    จิรโชค (บรรพต) วีระสย, สุรพล ราชภัณฑารักษ์และสุรพันธ์ ทับสุวรรณ (2551) “รัฐศาสตร์ทั่วไป” กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง, พิมพ์ครั้งที่ 2.
    ดำริ บูรณะนานนท์ (2539) “กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง” กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นิติธรรม,
    บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ (2542)“การเลือกตั้งและพรรคการเมือง : บทเรียนจากเยอรมัน” กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา, 2542
    วรเจตน์ ภาคีรัตน์ (2555) รายงานวิจัย เรื่อง “บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการรักษาวินัยพรรคการเมืองและการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชน” กรุงเทพฯ:สถาบันรัฐธรรมนูญศึกษา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ, 2555
    สมคิด เลิศไพฑูรย์ (2542) “กฎหมายเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน” กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน.
    หยุด แสงอุทัย (2512) “คำอธิบายพระราชบัญญัติพรรคการเมือง” พระนคร : โอเดียนสโตร์.

  • ดำริ 在 Mocca Garden Facebook 的最讚貼文

    2012-09-25 21:42:44
    有 15 人按讚

    งานเลี้ยงเกษียณคุณพ่อสมบูรณ์ ดำริ รองผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรีซึ่งเป็นคุณพ่อบังเกิดเกล้าของคุณนิค มือแซ็คโซโฟน ของเราเองก้าบบบ

你可能也想看看

搜尋相關網站