雖然這篇ชีววิทยา ปลานิล鄉民發文沒有被收入到精華區:在ชีววิทยา ปลานิล這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 ชีววิทยา產品中有22篇Facebook貼文,粉絲數超過27萬的網紅อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์,也在其Facebook貼文中提到, (บางส่วนของบทความ) จากรายการ หนุ่ยทอล์ก ประจำวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา เรื่อง “ถอดกลยุทธ์ จีนปราบโควิด ช่วยชีวิตคนอย่างไร?” รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา...
同時也有61部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅FNDiary,也在其Youtube影片中提到,หนอนปีศาจทะเลทราย : https://youtu.be/Uk-eRlhSRns เราควรจะดีใจที่สัตว์เหล่านี้สูญพันธุ์ไปแล้ว : https://youtu.be/78Q4q6hEijk ไก่หัวขาด : FB : https://...
「ชีววิทยา」的推薦目錄
- 關於ชีววิทยา 在 ?????????? ?????????? 암 Instagram 的最讚貼文
- 關於ชีววิทยา 在 ?????????? ?????????? 암 Instagram 的最佳貼文
- 關於ชีววิทยา 在 Missbell Instagram 的精選貼文
- 關於ชีววิทยา 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
- 關於ชีววิทยา 在 horrorclub.net Facebook 的最佳解答
- 關於ชีววิทยา 在 Facebook 的最佳解答
- 關於ชีววิทยา 在 FNDiary Youtube 的最佳貼文
- 關於ชีววิทยา 在 FNDiary Youtube 的最佳貼文
- 關於ชีววิทยา 在 NoteworthyMF Youtube 的最讚貼文
ชีววิทยา 在 ?????????? ?????????? 암 Instagram 的最讚貼文
2020-05-09 08:12:33
อยากจะกระอักเลือด #ชีววิทยา...
ชีววิทยา 在 ?????????? ?????????? 암 Instagram 的最佳貼文
2020-05-09 08:12:33
ว้าววว วิชาที่จะสอบวันพรุ่งนี้ วันสุดท้ายยย ยุตรงนี้นี่เองง ง่ายๆๆทั้งนั้น --! ♡คณิตศาสตร์ ♡ประวัติศาสตร์ ♡การงานอาชีพ ♡ชีววิทยา ♡สังคมศึกษา ♡เทคโนโลย...
ชีววิทยา 在 Missbell Instagram 的精選貼文
2020-05-11 09:39:08
ตา+หู(ไม่เห็น)+จมูก+ปาก=ปนัสดา* #ชีววิทยา #แคร์นะ #ขอเป็นคนสุดท้ายของเธอ...
-
ชีววิทยา 在 FNDiary Youtube 的最佳貼文
2021-04-30 21:00:13หนอนปีศาจทะเลทราย : https://youtu.be/Uk-eRlhSRns
เราควรจะดีใจที่สัตว์เหล่านี้สูญพันธุ์ไปแล้ว : https://youtu.be/78Q4q6hEijk
ไก่หัวขาด :
FB : https://www.facebook.com/FNDiary
IG : https://goo.gl/FnJaQ6 IG : FNDiary
LINE Sticker :https://store.line.me/search/en?q=jr_krit
Twitter : https://twitter.com/diary_fn
-------------------------------------------
♫ Background Music ♫
真夏のレモネード【音楽素材MusMus】Music by MusMus https://musmus.main.jp/
==Photo Credits==
www.pixabay.com
www.freepik.com -
ชีววิทยา 在 FNDiary Youtube 的最佳貼文
2020-12-07 21:00:29ทำไมหมาถึง...ไม่เลือก : https://youtu.be/Pl7iRbV4-V4
เรื่องที่น้อยคนรู้เกี่ยวกับกล้วย : https://youtu.be/NBdqsT6LoSM
FB : https://www.facebook.com/FNDiary
IG : https://goo.gl/FnJaQ6 IG : FNDiary
LINE Sticker :https://store.line.me/search/en?q=jr_krit
Twitter : https://twitter.com/diary_fn
-------------------------------------------
♫ Background Music ♫
African Instrumental Beat : Produced by Sammy Rowdy = www.sammyrowdy.com -
ชีววิทยา 在 NoteworthyMF Youtube 的最讚貼文
2020-05-30 13:00:06รีวิวหนังสือ "เตรียมสอบเข้าหมอ" วิชาเคมี ชีวะ ไทย ความถนัดแพทย์ แบบละเอียด by พี่มะเฟือง
แจกหนังสือเคมีครูกุ๊ก 10 รางวัล! ร่วมกิจกรรมได้ที่ comment เลยจ้า (กติกาอยู่ที่ 11:13 )
Timestamp
0:33 เคมี
3:56 ชีวะ
7:21 ความถนัดแพทย์
9:18 ภาษาไทย
11:13 กติกาแจกหนังสือ 10 รางวัล!!
คลิปอื่นๆ:
EP1 รีวิวหนังสือ "เตรียมสอบเข้าหมอ" วิชาเลข ฟิสิกส์ สังคม ► https://youtu.be/Ri_F1SXu-Kk
เตรียมสอบเข้าหมอยังไงดี? หนักแค่ไหน ► https://youtu.be/CckzAtqqbM4
ชีทสรุปฟิสิกส์ เคมี อังกฤษ เขียนโดยพี่มะเฟืองแพทย์จุฬา ถามเพิ่มเติมได้ที่ ► IG @noteworthy.mf หรือ LINE @qoy2440z (มี@)
-กระทู้แนะนำหนังสือ+วิธีเตรียมตัวของเรา https://www.dek-d.com/board/view/3717344/
-กระทู้แนะนำหนังสือวิชาภาษาอังกฤษ https://www.dek-d.com/board/view/3879020/
Playlist เทคนิคเรียนมากมาย ►https://www.youtube.com/playlist?list=PLTJCEM4DIXFvpoFqH83Cwty_hYaGWJ-l3
ติดตามเทคนิคเรียนอีกมากมายที่ ► http://bit.ly/NoteworthyMF
ติดตามไดอารี่การเรียนหมอของเราทุกวันได้ที่ ► Instagram : @ffim.medcu60 https://www.instagram.com/ffim.medcu60
[This video is no sponsored]
-----------------------------------------------------------------------
Find me more !
Fanpage : Noteworthy.mf (https://www.facebook.com/noteworthy.mf)
Instagram : @ffim.medcu60 (https://www.instagram.com/ffim.medcu60)
-----------------------------------------------------------------------
Contact for work
Email : mmiiffyy1999@gmail.com
Instagram : @ffim.medcu60 (https://www.instagram.com/ffim.medcu60)
ชีววิทยา 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
(บางส่วนของบทความ) จากรายการ หนุ่ยทอล์ก ประจำวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา เรื่อง “ถอดกลยุทธ์ จีนปราบโควิด ช่วยชีวิตคนอย่างไร?”
รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นด้วยกับรองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม เรื่องความสำคัญของผู้นำ
“ทั้งนี้ไม่จำเป็นจะต้องดึงคนให้ลงจากตำแหน่ง แต่ต้องเปลี่ยนคนที่ออกไปสื่อสารกับสังคมได้แล้ว ภาษาทางการเมืองเขาเรียกว่า เอาคนที่ ‘หน้ายังไม่ช้ำ’ ออกไปสื่อสารให้คนเข้าใจมากขึ้น ปัญหาอีกอย่างนึงคือประชาชนไม่ได้อยากฟังแค่เรื่องสาธารณสุข พวกเขาฟังมาปีกว่าแล้ว แต่พวกเขาอยากฟังมุมมองทางเศรษฐกิจ รัฐศาสตร์ อุตสาหกรรมหรือภาคท่องเที่ยวว่ามีแผนทางออกอะไรบ้าง มากกว่าที่จะรอว่ารัฐสั่งให้ทำอะไร ผมว่าเราน่าจะแก้วิกฤตศรัทธาได้ดีขึ้นครับ”
รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยังเสริมอีกว่า “หลายคนคิดว่าอู่ฮั่นโมเดลคือความสำเร็จ แต่มุมของวิทยาศาสตร์และการแพทย์กลับมองว่าอู่ฮั่นคือความล้มเหลวและความผิดพลาดที่กลายเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่สุด ที่จีนเองภายหลังต้องออกมายอมรับและเอามาปรับใช้กับเมืองอื่น ๆ จนเกิดเป็น ‘กว่างโจวโมเดล’ รวมถึงแพตเทิร์นต่อไปที่จะเอามาสู้กับสายพันธุ์เดลตา”
“หนึ่งในความล้มเหลวของอู่ฮั่นโมเดลคือการปฏิเสธข่าวว่ามีการระบาดที่ตลาดปลาในเมืองอู่ฮั่น พอมีการระบาดเกิดขึ้นก็ไม่ยอมรับอีกว่าสามารถแพร่จากคนสู่คนได้ แต่กลับบอกว่าติดมาจากสัตว์ จนกลายเป็นการระบาดครั้งใหญ่ถึงจะออกมายอมรับ มีนายแพทย์ใหญ่คนหนึ่งออกมาพูดถึง ‘Golden Period’ หรือวินาทีทอง ที่ถ้าควบคุมตั้งแต่ตอนนั้นก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่จีนเลยช่วงเวลาของ Golden Period นั้นมานานแล้ว ทำให้เกิดเป็นอู่ฮั่นโมเดลที่ล็อกดาวน์เมืองทั้งหมด 72 วันตามมา ซึ่งจีนมองว่าต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก จะทำอะไรต้องเร็ว สิ่งที่จีนทำได้คือการตรวจเชื้อวันละ 1 ล้านคน”
ท้ายที่สุดรองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์มองว่า ถึงแม้อู่ฮั่นโมเดลคือโมเดลใช้งานได้สำเร็จ แต่ก็แลกมาด้วยวิกฤตและความเสียหาย เป็นตัวอย่างของบทเรียนที่ดีให้แก่การจัดการในเมืองอื่น ๆ อย่าง กว่างโจวโมเดลต่อมา แต่ก็ต้องถามว่าประเทศไทยทำอย่างเขาได้หรือเปล่า?
รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เสริมเรื่องการจัดการของผู้นำว่า “ต้องจัดการโครงสร้างใหม่ ดึงเอกชนเข้ามาร่วมเยอะ ๆ เลิกรวมศูนย์ ประเภทที่ตัวเลข ชุดตรวจหรือการรักษาต้องอยู่ในมือฉันเท่านั้นควรเปลี่ยนได้แล้ว เลิกคิดแต่ว่ารัฐคือผู้คุมทุกอย่างได้แล้ว ในสภาวะที่เราไม่สามารถเปลี่ยนผู้นำได้ สิ่งที่เราทำได้ในวันนี้คือเปลี่ยนกลไกในการตัดสินใจทั้งหมด”
ประเด็นสุดท้ายที่พูดคุยกันยังคงอยู่กับเรื่องวัคซีน mRNA ยังคงเป็นคำตอบของไทยในเวลานี้หรือไม่? รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ กล่าวว่า
“mRNA หรือวัคซีนที่เป็นโปรตีนมีความจำเป็นตั้งแต่แรก จนถึงวันนี้ รวมถึงอนาคตด้วย อย่าลืมว่ากลไกของจีนไม่ได้พึ่งแค่วัคซีนอย่างเดียว แต่รวมถึงการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น การระดมตรวจอย่างมหัศจรรย์ การเยียวยาที่สามารถแบ่งปันอาหารกันได้ ไปจนถึงเศรษฐกิจเขาใหญ่เพียงพอที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนก็ยังประคองตัวกันได้
ดังนั้นการที่เขาใช้วัคซีนระดับกลางจึงเพียงพอสำหรับการระบาดของสายพันธุ์เดิมหรืออัลฟา แต่การมาถึงของสายพันธุ์เดลตาทำให้นักวิจัยของจีนเริ่มพัฒนาวัคซีนเจเนอเรชันที่ 2 สำหรับใช้ในปีหน้าแล้ว เพราะเขาต่างรู้ดีว่าวัคซีนตัวเดิมเริ่มประสิทธิภาพถดถอย ขณะเดียวเขาก็เห็นแล้วว่าประสิทธิภาพของ mRNA นั้นได้ผล จึงเริ่มมีการผลิตและคาดว่าจะนำมาฉีดให้กับประชาชนในฐานะวัคซีนบูสต์เข็มที่ 3 ไปจนถึงคนที่ยังไม่ได้ฉีดด้วยเช่นกัน แต่ปัญหาของประเทศเราไม่ใช่ว่าวัคซีนตัวไหน แต่จำนวนที่มันไม่พอสำหรับคนทั้งประเทศนี่แหละที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่โครงสร้าง แต่การมาของเดลตามันเปลี่ยนวิธีคิดทุกอย่างไปโดยปริยาย สิ่งที่ผมกังวลคือในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาเราไม่ได้ยินคำตอบใหม่ ๆ จากรัฐบาลเลย”
“ผมมักโพสต์เสมอว่าขอวัคซีนเพิ่มได้ไหม วันนี้เราต้องการลดการตายก่อน การตายเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าการติดเชื้อ ผู้สูงอายุในบ้านเราเพิ่งฉีดวัคซีนไปเพียง 10-20% ถ้าเป็นประเทศอังกฤษเขาเน้นฉีดที่ผู้สูงอายุก่อนแล้วค่อย ๆ ไล่อายุลงมาด้วยซ้ำ แต่บ้านเรากลับฉีดสะเปะสะปะมาก ผมว่าต้องเปลี่ยนแผนใหม่ ต้องระดมซื้อวัคซีนให้มากขึ้น รวมถึงฉีดให้กับผู้สูงอายุให้เร็วที่สุดภายในเวลากี่เดือนก็ว่าไป ทำแค่ 2 อย่างนี้ก็เพียงพอมากกว่าจะไปเรียกร้อง mRNA แล้วครับ แต่ผมกลับไม่เห็นอะไรเลย”
ชีววิทยา 在 horrorclub.net Facebook 的最佳解答
หากคุณใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมกับรักหนังสยองขวัญ GAIA คือหนังที่คุณต้องหามาดู
.
Gaia คือหนังสยองจากประเทศแอฟริกาใต้ ที่ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ให้เป็นหนังสยองแนวทาง Eco-Horror* ที่เด็ดดวงเรื่องนึง
โดยหนังเล่าเรื่องของ แกบี้ เจ้าหน้าที่ดูแลป่าที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เธอได้รับการช่วยเหลือจากสองพ่อลูกผู้พำนักในกระท่อมกลางป่า หญิงสาวสัมผัสได้ถึงพฤติกรรมประหลาดของทั้งคู่ที่ผูกจิตเชื่อมโยงกับพงไพรภายนอก ทว่าความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า เมื่อพระแม่ธรณีตื่นจากการหลับใหล และเผยร่างที่แท้จริงของเธอให้มนุษย์ศิโรราบ
.
*Eco-Horror นั้นหมายถึงหนังสยองขวัญที่พูดถึงความรุนแรงจากธรรมชาติอาเพศ ผลกระทบระหว่างมนุษย์ สัตว์ พืช ในระบบนิเวศที่แปรปรวนวิปริต ตัวอย่างหนังแนวนี้ก็เช่น The Birds, The Bay, The Host, Annihilation, The Happening, Godzilla (ก็ถูกนับเป็น Eco-Horror ในบางมุม)
.
สำหรับ Gaia นั้น Jaco Bouwer ผู้กำกับ และ Tertius Kapp โปรดิวเซอร์ และคนเขียนบท ได้ลงลึกไปยังการค้นคว้าศาสนาอับราฮัม ระบบนิเวศวิทยา ชีววิทยา ไปสู่การศึกษาระบบเห็ดรา ในการสร้างเครือข่ายวงศ์วานภายใต้ผืนธรณี ซึ่งนำไปสู่จินตนาการชวนผวาน่าสะพรึงของหนังเรื่องนี้
.
ในส่วนของชื่อหนัง Gaia เป็นการหยิบยกมาจากตำนานเทพปรณัมกรีกโบราณ ถึงพระนาง Gaia ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเทวีองค์แรกของโลก นางถือเป็นพระแม่ธรณีผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งต่าง ๆ และชื่อหนังเรื่องนี้ก็เป็นการบอกใบ้ให้เรารู้ว่ามนุษย์ไม่มีทางยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรมชาติได้
.
นอกจาก Gaia จะได้รับคำชมล้นหลามจากนักวิจารณ์ หนังยังคว้ารางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ชั้นนำอย่าง SXSW Film Festival ปีล่าสุด
Gaia มีกำหนดลงสตรีมมิ่งที่อเมริกา 25 มิถุนายนนี้
ชมตัวอย่าง
https://www.youtube.com/watch?v=e9QbbTp5pE8
ชีววิทยา 在 Facebook 的最佳解答
หมายเหตุ อันนี้โพสต์บ่น
เนื่องจากรอบที่แล้วที่ผมบ่นไปเรื่องการให้คำปรึกษา
ก็มีคนมาแย้งอยู่พอดูนะครับว่า
การให้คำปรึกษาปรึกษากว้างๆ
มันมีผลประโยชน์ต่อการให้เขาไปศึกษาเรียนรู้เอง
เป็นทักษะติดตัว
ซึ่งผมก็อยากจะมาบ่นต่ออีกรอบนะครับ
ว่า ................ ก็ใช่
มันก็จริงอยู่ ..................... แต่คุณต้องใช้มันให้ถูกกรณีครับ
----------------------------
ตัวอย่างที่ผมบอกไปรอบก่อน ผมแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม
รอบนี้จะอธิบายให้ละเอียดกว่าเดิม
ว่าทั้งสามกลุ่มมีเอกลักษณ์เฉพาะยังไงบ้าง
กลุ่ม 1. บอกว่าอยากทำอะไรสักอย่าง
*แต่ไม่เคยพยายามที่จะลองค้นหาความรู้หรือทดลองอะไรก่อนเอง*
ซึ่งกลุ่มนี้นะ ต่อให้คุณป้อนอะไรให้เขาไป เขาก็ไม่ทำมัน
ผมถึงได้บอกว่ามันเสียเวลาที่จะไปยุ่งกับเขา
กลุ่ม 2. คือคนที่ *พยายามจะลองเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว*
แต่ทำไม่ได้เพราะหาจุดเริ่มไม่ได้
ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน
กลุ่ม 3. คือคนที่หาเริ่มแล้ว
แต่ติดขัดไปต่อไม่ได้ ถึงได้มาขอความช่วยเหลือ
ซึ่งทั้งสามกลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่อยู่ใน "โซนพื้นฐาน"
ตามภาพที่ผมวาดมา
*ผมไม่ได้พูดถึงกลุ่มคนที่มีพื้นฐานแน่นแล้ว*
ซึ่งอยู่ในโซนเรียนรู้ตัวเองได้
ซึ่งการให้คำปรึกษา**อย่างกว้างๆ**นะ
มันเหมาะกับคนที่อยู่ในโซนระดับกลางขึ้นไป
*มันไม่ได้เหมาะกับคนที่ยังอยู่ในโซนเรียนรู้พื้นฐานครับ*
--------------------------------------
อธิบาย
ภาพที่ผมเขียนมานี้ ผมวาดเป็น 2 มิติให้มันเข้าใจง่ายๆ
ถ้าเป็นระดับความสัมพันธ์จริง มันจะมีความซับซ้อนอย่างน้อย 3 มิติขึ้นไป
อย่างสมมุติว่าคุณมีความตั้งใจจะทำอะไรให้สำเร็จสักอย่าง
โดยสิ่งๆนั้นอยู่ในโซน C
ความรู้โซน B+D คือความรู้เสริมที่ช่วยผลักดันความรู้หลักที่จำเป็น
ส่วนความรู้โซน A+E คือสิ่งที่ดูเหมือนจะใช่
แต่จริงๆแล้วไม่มีประโยชน์ต่อความจำเป็นเท่าที่ควร
ซึ่งประเด็นนั้นมีอยู่ว่า
*มนุษย์มีเวลาในการเรียนรู้จำกัด*
มนุษย์ไม่สามารถที่จะเรียนทุกอย่างพร้อมกันได้หมด
สมมุติว่าเขามีศักยภาพที่จะเรียนได้พร้อมกัน 3 เรื่อง
การที่เขาจะไปถึงจุดหมายของเขาอย่างมีประสิทธิภาพได้
เขาจะต้องเรียน B-D แล้วทิ้ง A+E ไป
ซึ่ง ......... สมมุตินะครับว่า
คุณไปบอกเขาว่า "คุณต้องเรียนรู้เรื่องพื้นฐาน"
......... แต่
.................... คุณไม่ได้บอกเขาว่า
"มันมีอะไรที่เป็นเรื่องพื้นฐานบ้าง"
มันมีความเป็นไปได้ครับว่า
เขาจะเริ่มที่ A หรือ E แทน
หรือไม่ถ้าซวยหน่อย ก็เริ่มที่เลย Z กับ F ไป
*เพราะเขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นความรู้พื้นฐานที่จำเป็นต่อเป้าหมายของเขา*
การที่คุณจะชี้แนะให้เขาพัฒนาตนอย่างมีประสิทธิภาพได้
คุณต้องมอบความรู้ขั้นต่ำให้เขาครับว่า
เขาจะต้องเริ่มที่จุด B-D
แทนที่จะจับโยนเขา ให้เขาสุ่มตกลงไปในโซนอื่นแทนครับ
ที่ว่ามานี้ คือกรณีของคนที่อยู่ในกลุ่ม 2
คือเขาไม่มีความรู้ที่จะทราบได้ว่า
ต้องเริ่มตรงไหนถึงจะพัฒนาการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพได้
-----------------------------
ต่อมา
ก่อนที่บุคคลหนึ่งๆจะสามารถเรียนรู้อะไรด้วยตัวเองได้นั้น
เขาจะต้องมีความรู้พื้นฐานในระดับหนึ่งก่อน
ซึ่งความรู้พื้นฐานเหล่านี้
จะเป็นบันไดให้เขาเข้าสู่โซนการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้
และในขณะเดียวกัน ทุกเรื่องมันจะมี*กำแพงความรู้ขั้นต่ำ*อยู่
ที่เขาจะไม่สามารถผ่านด้วยตัวเองได้ ถ้าไม่มีการชี้นำที่เจาะจง
ซึ่งระดับกำแพงอันนี้จะต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละบุคคล
*แต่* มันจะมีจุดร่วมอยู่อย่างเดียวกันคือ
บุคคลที่เจอกำแพงนี้
คือกลุ่มคนที่ได้พยายามเรียนรู้หรือลองทำอะไรแล้ว
นี่คือคนกลุ่มที่ 3.
ซึ่ง ........ ตรงนี้ก็เหมือนกันครับ
การที่คุณจะไปบอกว่า "คุณต้องเรียนรู้เรื่องพื้นฐาน" เพิ่มนะ
........มันไม่มีประโยชน์ครับ
เพราะ *เขากำลังทำมันอยู่แล้ว*
ปัญหาของเขามันอยู่ที่
*เขาไม่สามารถทำลายกำแพงนั้นด้วยตัวเองได้*
และการที่เขาจะสามารถทำลายกำแพงนั้นได้
มันจะต้องมีคนมาอธิบายให้เขาฟังว่า *กำแพงนั้นคืออะไร*
ซึ่งการจะอธิบายแบบกว้างเกินไป
มันไม่ได้เป็นการช่วยให้เขารู้ได้เลยว่า
อะไรคือกำแพงที่ขวางเขาอยู่
และถ้าเขาเป็นบุคคลที่มีศักยภาพในการทำลายกำแพงนั้นเอง
เขาก็ทำได้ และเป็นคนที่อยู่ในโซนกลางไปแล้ว
ซึ่งคนกลุ่มกลางนะ
*ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาขอคำปรึกษาด้วยซ้ำครับ*
ฉนั้น การที่คุณจะให้คำปรึกษานะ
มันจะต้องมีความชัดเจนในระดับหนึ่ง
ที่ทำให้เขารู้ได้ว่ากำแพงนั้นคืออะไร
และสมค่ากับความพยายามของเขาครับ
-------------------------------------------
-------------------------------------------
อันนี้ขอยกตัวอย่างจริงที่เจอมาหน่อย
มีบุคลากรอยู่คนหนึ่งอยากจะเป็น Game Level Designer
(อธิบายย่อๆว่า เป็นอาชีพออกแบบสิ่งแวดล้อมในเกม)
ยกตัวอย่างความรู้ที่จำเป็นต่ออาชีพนี้
ก็จะมีด้าน 3DCG เป็นโซน C
สถาปัตยกรรม สิ่งแวดล้อม ชีววิทยา ออกแบบระบบเกม เป็นโซน B+D
แล้วบุคลากรนี้จบสถาปัตย์มา
ซึ่งถ้าจะถามว่า อยากทำเกมแล้วทำไมไปเรียนสถาปัตย์
เขาก็ตอบมาว่า
.......... เพราะเลือกเรียนสายวิชาใกล้เคียงสุดที่พ่อแม่เข้าใจและรับได้
................ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แย่ครับ
เพราะความรู้ด้านสถาปัตย์นะ
มันอยู่ในโซน B ที่เอามาใช้เสริมกันได้
แล้วเขาอยู่ในโซนผู้เชี่ยวชาญของโซนนี้อีกทีแล้ว
*แต่* ปัญหานั้นมีอยู่ว่า
ความรู้ด้าน 3DCG ที่จำเป็นต่องานเกม
มันมีความเฉพาะเรื่องต่างกันกับที่ใช้ในงานสถาปัตย์
ทำให้ความรู้โซน C ของเขายังอยู่ในโซนพื้นฐานอยู่เลย
แล้วเขาก็ไม่ได้เรียนมันจากคณะเพราะคณะไม่ได้สอน
แล้วต้องไปงมเอาเอง
ซึ่งจริงๆแล้วนะ
**ถ้าได้รับการชี้แนะต่อ**
คนที่โซนสถาปัตย์สูง แต่โซน 3DCG สำหรับเกมต่ำ
จะเรียนรู้งานได้เร็วกว่า
คนที่โซนสถาปัตย์ต่ำ แต่โซน 3DCG สำหรับเกมสูง
*แต่*
นั่นเป็นสิ่งที่สถาบันการศึกษาเรียกร้องจากคนที่จะมาศึกษา
ไม่ใช่กิจการธุรกิจต่างๆที่เรียกร้องความสามารถในปัจจุบันของบุคลากร
ซึ่งสิ่งที่กิจการเรียกร้องจากการทำงานนะ
"การใช้งานได้เลย"
มันมีค่ากว่า
"ความเป็นไปได้ในการเติบโตของเขาในอนาคต"
เกิดวันหนึ่งมีคนมาสมัครงานแล้วบอก
"ผมยังทำอันนี้ไม่เป็นครับแต่เรียนรู้ได้"
มันก็มีโอกาสสูงมากที่ผู้รับสมัครจะตอบ
"งั้นไปเรียนให้ทำได้มาก่อนค่อยสมัครอีกทีละกัน"
ผลที่จะได้ก็คือ
ถ้ากิจการสามารถรับได้แค่คนเดียว
มันมีโอกาสสูงมากที่เขาจะแพ้
คนที่โซนสถาปัตย์ต่ำ แต่โซน 3DCG สำหรับเกมสูง แทน
**เพราะคนอื่นมีความสามารถที่ตรงกับความต้องการนั้นมากกว่า**
และสาเหตุต้นตอที่อาจทำให้เขาแพ้นั้น
ก็เป็นเพราะเขาไม่ได้รับการชี้แนะให้เริ่มในโซนที่มันเหมาะสม
คือโยนไปว่า ให้ไปเรียนเรื่องพื้นฐาน
แต่ไม่ได้บอกเขาว่า
"เรื่องพื้นฐาน" ที่มันตรงกับความต้องการเขาคืออะไรครับ