雖然這篇ความสับสน鄉民發文沒有被收入到精華區:在ความสับสน這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 ความสับสน產品中有20篇Facebook貼文,粉絲數超過105萬的網紅Roundfinger,也在其Facebook貼文中提到, เมื่อวานนี้มีโอกาสได้นั่งสนทนารับความรู้จากพี่เตา-บรรยง พงษ์พานิชยาวนาน ระหว่างพูดคุยกัน ผมรู้สึกทึ่งเวลาที่วาณิชธนากรอาวุโสท่านนี้หยิบยกเอาเกร็ด ประว...
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過53萬的網紅วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB,也在其Youtube影片中提到,?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่ายๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.mon...
「ความสับสน」的推薦目錄
- 關於ความสับสน 在 #Coach Jibb "โค้ชชีวิต" Instagram 的最佳貼文
- 關於ความสับสน 在 Natthawut Skidjai Instagram 的精選貼文
- 關於ความสับสน 在 สอง โกเจริญกิจ Instagram 的最佳解答
- 關於ความสับสน 在 Roundfinger Facebook 的最佳解答
- 關於ความสับสน 在 Aey Supicha Facebook 的最佳解答
- 關於ความสับสน 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
- 關於ความสับสน 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的最佳貼文
- 關於ความสับสน 在 ProGresS 89 Youtube 的精選貼文
- 關於ความสับสน 在 The Moof Youtube 的最佳貼文
ความสับสน 在 #Coach Jibb "โค้ชชีวิต" Instagram 的最佳貼文
2021-02-02 22:10:12
ความรักที่ดีต้องไม่มากับ ความปวดหัว ความวุ่นวาย ความสับสน และดราม่า #daddyCJ #sphnyxkie #mybaby - #positivethinking #lifecoach #lightworker #love #bos...
ความสับสน 在 Natthawut Skidjai Instagram 的精選貼文
2020-07-03 05:52:45
การทำงานกับเด็ก4ขวบ ไม่ง่าย แต่เรากันเภา ผ่านกันมาได้ราบรื่นมาก คงต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่เข้าใจในธรรมชาติของเด็ก เข้าใจในความต้องการ ไม่ต้องการ ความส...
ความสับสน 在 สอง โกเจริญกิจ Instagram 的最佳解答
2020-05-03 03:29:34
“ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรถึงจะเหมาะ ความประหลาด? ความสับสน? ความไม่เข้าใจ? กับปฏิกิริยาของมนุษย์ ที่ควรทำดีกับคนที่ดีกับเรา เหมือนจะเลือก...
-
ความสับสน 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的最佳貼文
2019-11-14 16:00:08?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่ายๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.moneyeasybook.com/
คำถามจากแฟนๆ คอมเมนต์ถามถึงประเด็นการขจัดความฟุ้งซ่านและสับสน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราให้มากขึ้น ผมก็ได้เรียบเรียงคำตอบ ทั้งวิธีแก้และวิธีเลี่ยงให้อย่างเป็นขั้นตอนใน PODCAST EP46 นี้แล้ว เชิญรับฟังได้เลยครับ
//ฟังเฉพาะเสียง
--สำหรับ Android
Soundcloud : https://bit.ly/2QjfVYm
Spotify : https://spoti.fi/2Jcwh6Y
.
--สำหรับ iOS
Apple Podcast : https://apple.co/2QjW5fM
? พบกับวิดีโอใหม่ทุกวัน ? ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จและรวย "เร็วขึ้น"
จากประสบการณ์การทำธุรกิจไทย-จีน มาแล้ว 14 ธุรกิจของผม
? คลิกลิงก์แล้วกด “SUBSCRIBE - ติดตาม และกดกระดิ่งแจ้งเตือน ตอนนี้เลย!! ?
https://www.youtube.com/channel/UC6GkGouzOitA6vUzOEBEqwA?sub_confirmation=1
—
// ดูวิดีโอของ "วรัทภพ" ตามเพลย์ลิสต์
? คลิปใหม่ล่าสุด (มีคลิปใหม่ทุกวัน) https://bit.ly/2OCDdvb
========================
?ลงทุนอะไรดี https://bit.ly/2kH0Lm0
?วิธีขายของ LAZADA https://bit.ly/2TUxuRn
?วิธีขายของ SHOPEE https://bit.ly/2lJ5LHe
?วิธีสั่งสินค้าจากจีน https://bit.ly/2IERdmE
?การทำตลาดจีน และส่งออกจีน https://bit.ly/2GWdITq
?วิธีขายสินค้าแบบ ดรอปชิป https://bit.ly/2x2sOPf
?WARATTAPOB PODCAST https://bit.ly/2SBlrHR
?วิธีทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ https://bit.ly/2lRZuZn
?วิธีปลดหนี้ https://bit.ly/2PKNplE
========================
??VLOG IN CHINA ชีวิตในจีนของผม https://bit.ly/2AqaFNB
??VLOG IN THAILAND ชีวิตในไทยของผม https://bit.ly/2AUvnWf
========================
?แกะคำคม ข้อคิด นักปราชญ์ และนักธุรกิจ https://bit.ly/2SDzHjh
?5 นาที หาเงินแบบมหาเศรษฐี https://bit.ly/2k9oyuu
?รีวิวหนังสือที่ผมชอบ http://bit.ly/2lRZJnf
?วิธีเริ่มต้นธุรกิจ ในปัจจุบัน https://bit.ly/2ChCNT7
?ความรู้ หาเงิน เพิ่มรายได้ ที่จะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น https://bit.ly/2CR2Jqc
?เคล็ดลับ การตลาดและการขาย https://bit.ly/2M8P7cV
?ไอเดียธุรกิจเงินล้าน https://bit.ly/2TrY2IT
?พัฒนาตัวเอง เพื่อความสำเร็จในด้านที่ต้องการ https://bit.ly/2LTPms2
?แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต https://bit.ly/2TKQAbW
?รีวิว ธุรกิจจีนและเศรษฐกิจจีน https://bit.ly/2M8Phkx
?ความรู้ไทย-จีน อื่นๆ http://bit.ly/2kIZaMn
—
// วรัทภพ รชตนามวงษ์ คือ ใคร?
ผม "วรัทภพ รชตนามวงษ์" เป็นคนไทย เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาแล้ว 14 ธุรกิจ
ทั้งในประเทศไทย และ จีน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบัน
ผมตั้งใจทำสื่อเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
ให้คนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตและรวย “เร็วขึ้น”
?คุณสามารถดูคลิปจากลิงก์ล่างนี้ ว่าผมมีประสบการณ์ธุรกิจอะไรบ้าง?
http://bit.ly/2kHDgt4
—
// ติดตาม วรัทภพ รชตนามวงษ์ เพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.warattapob.com
?SOCIAL
Instagram : https://www.instagram.com/warattapob_rachatanamwong
Facebook : https://fb.me/WarattapobRachatanamwong
YouTube: https://www.youtube.com/c/WarattapobRachatanamwong
Line official : http://line.me/ti/p/~@warattapob
Twitter : https://twitter.com/warattapob
?PODCAST
--สำหรับ Android
Soundcloud : https://bit.ly/2QjfVYm
Spotify : https://spoti.fi/2Jcwh6Y
--สำหรับ iOS
Apple Podcast : https://apple.co/2QjW5fM
—
#WARATTAPOB #WARATTAPOBPODCAST #PODCASTไทย
วิดีโอนี้เกี่ยวกับ วิธีจัดการความฟุ้งซ่าน และสับสน เพื่อทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น | EP46 WARATTAPOB PODCAST ไทย
https://youtu.be/_WsaCUlM-qQ
https://youtu.be/_WsaCUlM-qQ -
ความสับสน 在 ProGresS 89 Youtube 的精選貼文
2019-07-09 07:30:00อย่าลืมกดSUBSCRIBEติดตาม กดไลค์ กดแชร์ให้กำลังใจเกรสด้วยนะคะ
Youtube : http://goo.gl/Q3XC8B
Facebook : https://www.facebook.com/paopan.chantian
Instagram : Progress89_Gamer
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
สังกัด Online Station ช่วยให้ช่องคุณเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด คนดูวิดีโอเยอะขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ใครทำช่อง Youtube อยู่สมัครได้เลยที่นี่ http://caster.os.co.th
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
::: สนใจติดต่อโฆษณาหรือสปอนเซอร์ :::
ติดต่อทีมงาน Online Station
โทร : 02-647-5162
อีเมล์ : tawan_boo@truecorp.co.th -
ความสับสน 在 The Moof Youtube 的最佳貼文
2017-10-29 21:30:00INJUSTICE (Year One) : Ep.08 ความสับสน
---------------------------------------------------------
ติดตามเดอะมูฟได้ที่
Instagram : https://www.instagram.com/arumb_tm
Facebook : http://www.facebook.com/movethemoof
Youtube : http://www.youtube.com/themoof
Twitch : https://www.twitch.tv/movethemoof
-----------------------
สนับสนุน The Moof ได้ที่!!! (Donation)
https://twitch.streamlabs.com/movethemoof
***ขอบพระคุณครับ**** ^^
---------------------------------------------------------
คุณผู้ชมที่ชื่นชอบและอยากเป็นกำลังใจให้ The Moof เพียงแค่กด like & share + Subscribe นะครับ ....
ความสับสน 在 Roundfinger Facebook 的最佳解答
เมื่อวานนี้มีโอกาสได้นั่งสนทนารับความรู้จากพี่เตา-บรรยง พงษ์พานิชยาวนาน ระหว่างพูดคุยกัน ผมรู้สึกทึ่งเวลาที่วาณิชธนากรอาวุโสท่านนี้หยิบยกเอาเกร็ด ประวัติ ชื่อบุคคล รวมถึงเนื้อหาสำคัญจากหนังสือเล่มต่างๆ ออกมาเล่าให้ฟังได้ราวกับกางหนังสืออ่าน
"ทำไมพี่เตาความจำดีขนาดนี้ครับ" ผมเอ่ยถามด้วยความทึ่ง คำตอบของพี่เตาเรียบง่ายแต่กระตุกให้หยุดคิด "ผมอ่านหนังสือช้า" ก่อนจะอธิบายว่า ถ้าอ่านอะไรจะอ่านจนกว่าจะเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะอ่านอีก นอกจากนั้นยังใช้หลักโยนิโสมนสิการ หรือสิ่งที่ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโต) เรียกว่าวิธีการแห่งปัญญามาใช้ในการอ่านด้วย
คืออ่านแล้วขบคิด ตั้งคำถาม เพื่อทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้ว 'ข้อมูล' จะแปล่งร่างเป็น 'ความรู้' อยู่ในสมองของเรา เพราะเราผ่านกระบวนการ 'รู้' สิ่งนั้นแล้ว - ย่อหน้านี้ผมเสริมจากความเข้าใจของตัวเอง
คำตอบของพี่เตาชวนให้ผมทบทวนตัวเองที่บางครั้งก็อ่านหนังสือเร็ว (ไปถึงเร็วมาก) เพราะมีหนังสือที่อยากอ่านรออยู่อีกหลายเล่ม เดือนหนึ่งผมอ่านหนังสือจบหลายเล่ม แต่ที่น่าตั้งคำถามคือผมได้รับประโยชน์จากหนังสือเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน
"เลือกเล่มที่จะอ่าน แล้วอ่านจนกว่าจะเข้าใจ" ดูเป็นคำแนะนำที่น่านำมาปรับใช้อยู่เหมือนกัน
...
อ่านแล้วคิดตามไปด้วยโดยใช้โยนิโสมนสิการนั้นทำอย่างไร
'โยนิ' แปลว่าเหตุ ต้นเค้า แหล่งเกิด ปัญญา อุบาย วิธี ทาง 'มนสิการ' แปลว่าการทำในใจ การคิด คำนึง ใส่ใจ พิจารณา เมื่อรวมแล้วจึงแปลว่า การทำในใจโดยแยบคาย
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) อธิบายวิธีคิดเช่นนี้ว่ามีหลักการ 2 แบบ คือ 1) มุ่งสกัดหรือกำจัดอวิชชาโดยตรง 2) มุ่งสกัดหรือบรรเทาตัณหา ซึ่งสามารถประมวลวิธีคิดเช่นนี้ได้เป็น 10 แบบ คือ
1. คิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย:
คือคิดจากผลไปหาเหตุ เมื่อเกิดผลอย่างหนึ่งแล้วก็ลองค้นหาสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลสืบทอดกันมาว่าอะไรทำให้เกิดสิ่งนี้ เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นเหตุปัจจัยกัน วิธีคิดแบบนี้ทำให้ไม่หมกมุ่นอยู่กับผลตรงหน้า พอทราบเหตุที่มาแล้วก็จะเข้าใจว่าเพราะอะไรจึงเกิดผลเช่นนี้ ทำให้เห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น
2. คิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ:
พูดทางธรรมอาจเป็นการพิจารณาการประชุมกันของขันธ์ 5 เพื่อให้เห็นว่าตัวตนหรือสิ่งต่างๆ ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ล้วนแล้วแต่ไร้แก่นสาร แต่ถ้าพูดทางโลกย์ก็อาจใกล้เคียงกับการคิดวิเคราะห์ คือแจกแจงองค์ประกอบต่างๆ ออกมาให้เห็นชัดๆ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แบ่งหมวดหมู่ได้อย่างไรบ้าง แบ่งส่วนแบ่งกลุ่มได้อย่างไรบ้าง การคิดแบบนี้ช่วยสะสางความมะรุมมะตุ้มของโจทย์ที่คิดอยู่ได้ดี
3. คิดแบบรู้เท่าทันความธรรมดา:
คือมองอย่างรู้เท่าทันความเป็นไปซึ่งต้องเป็นเช่นนั้นเองของสิ่งต่างๆ ในทางธรรมคืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หากปรับใช้กับชีวิตประจำวันอาจแบ่งเป็นสองขั้นคือ รู้เท่าทันและยอมรับความจริง เมื่อมีสิ่งไม่ถูกใจก็มองเห็นตามจริง ไม่ผลักไสปฏิเสธ ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ปลงตก ขั้นที่สองก็คือ แก้ไขไปตามเหตุปัจจัย เมื่อยอมรับความจริงแล้วและแก้ปัญหาไปตามจริงเช่นกัน เป็นอิสระจากอัตตา ความอยากที่ฝืนความจริงที่เกิดขึ้น การแก้ปัญหาด้วยหัวโล่งๆ กับการแก้ด้วยความทุกข์นั้นต่างกันมาก
4. คิดแบบแก้ปัญหา:
เป็นวิธีคิดที่ครอบคลุมวิธีแบบอื่นๆ ด้วย เช่น คิดจากผลไปหาเหตุ เมื่อรู้เหตุแล้วก็แก้ที่เหตุ คิดเพื่อแก้ปัญหาต้องคิดแบบตรงไปตรงมา ไม่ฟุ้งซ่านออกไปในเรื่องที่ไม่เกี่ยวทำให้เสียอารมณ์ หรือสนองความสะใจของตัวเอง สิ่งที่ควรทำคือ กำหนดวิธีการ แผนการ รายการสิ่งที่จะทำซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหรือทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย
5. คิดตามหลักการและความมุ่งหมาย:
มั่นคงในเส้นทาง รู้ชัดว่าเรากำลังจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไร จะได้ไม่ไขว้เขวออกนอกเส้นทางหรือหลงทาง เป็นสิ่งที่ต้องย้ำเตือนตัวเองบ่อยๆ มิฉะนั้นทำไปเรื่อยๆ ก็อาจผิดเพี้ยนไปจากความตั้งใจแรก
6. คิดแบบรู้ทันคุณโทษและทางออก:
มองสิ่งต่างๆ รอบด้าน เห็นทั้งด้านดีและร้าย ข้อดี-ข้อเสีย การแก้ปัญหาต้องเข้าใจทุกมุมก่อน ซึ่งการเห็นรอบด้านก็คือการมองตามจริง ไม่อคติ ระหว่างแก้ปัญหาก็จะมองเห็นว่าสิ่งที่เราทำนั้นดี-ไม่ดีอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร รู้ทันการการกระทำของตัวเองด้วย
7. คิดแบบคุณค่าแท้-คุณค่าเทียม:
เป็นวิธีคิดเพื่อขัดเกลากิเลสตัณหา เวลาจะซื้อ บริโภค หรือเลือกอะไรก็ตาม ถ้าถามตัวเองว่าสิ่งนั้นมีคุณค่าแท้ (จำเป็นต่อชีวิต สร้างความดีงามต่อจิตใจ ใช้แก้ปัญหา เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น) หรือคุณค่าเทียม (เพื่อพอกอัตตา เสริมความหยิ่งผยอง ให้ดูหรูหรา โดดเด่น) เป็นแบบไหนกันแน่ อีกแง่หนึ่งคุณค่าแท้คือสิ่งที่เป็นกุศล พอเหมาะพอดี มีสติ ส่วนคุณค่าเทียมก็คือเพิ่มความโลภ ริษยา ยกตนข่มท่าน แก่งแย่งจากคนอื่น
8. คิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม:
คิดเพื่อส่งเสริมความงอกงามในตัวเอง ประสบการณ์อย่างเดียวกัน จิตของมนุษย์ที่แตกต่างจะปรุงไปคนละแบบ การทำใจตั้งต้นเพื่อชักนำความคิดไปในแง่ดีและเป็นประโยชน์คือวิธีคิดแบบเร้าคุณธรรม ถ้าฝึกบ่อยๆ ก็จะมองประโยชน์จากสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเจอได้ แม้ในเรื่องร้ายๆ ก็ตาม
9. คิดแบบอยู่กับปัจจุบัน:
กลับมารู้สึกตัว ตอนนี้มือของคุณกำลังจับโทรศัพท์มือถืออยู่หรือเปล่า ตาของคุณกำลังจ้องมองที่ตัวอักษร ร.เรือตัวนี้ ก้นของคุณกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หรือโซฟา เพื่อเรียกสติกลับมา ไม่หลุดลอยไปกับอดีตหรืออนาคต ต้องทำสิ่งนี้เพื่อไปหลุดลอยไปกับความคิดฟุ้งจนเกินไป
10. คิดแบบวิภัชชวาท:
คำนี้คือการรวมระบบวิธีคิดทั้งหมดเข้าด้วยกัน คือ เห็นตามจริง เห็นครบทุกด้าน จำแนกส่วนประกอบ จำแนกเหตุที่มา ฯลฯ ความสับสน 3 อย่างที่มักเกิดขึ้นกับคนเราก็คือ 1) เอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันมาเกี่ยวกัน 2) คิดว่าผลที่คล้ายกันเกิดมาจากเหตุปัจจัยแบบเดียวกัน ซึ่งอาจไม่จริงเลย 3) มองข้ามเหตุปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน เช่น คนสองคนทำงานได้ดีเท่ากัน แต่มีคนหนึ่งได้รับเลือก อาจมีเหตุปัจจัยอื่น คนนั้นอาจพูดจาอ่อนน้อมกว่า เป็นต้น
...
หลักโยนิโสมนสิการทั้งสิบข้อนี้เป็นหลักในการคิดที่พี่เตาใช้เป็นประจำเพื่อมองปัญหาหรือโจทย์ต่างๆ ให้ชัดเจน นำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อลองไล่เรียงไปทั้งสิบข้อจะพบว่าสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งของวิธีคิดเช่นนี้คือ 'สติ' หากไม่มีสติเราก็พร้อมจะตกร่องลงไปในความคิดที่มีอคติ ความคิดที่ไหลไปตามอารมณ์ ความคิดเข้าข้างตัวเอง ตีโจทย์มั่ว หาเหตุผลข้างๆ คูๆ เป็นไปได้มากมาย
วิธีคิดเช่นนี้เป็นวิธีคิดที่ตรวจสอบสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อนำมาใช้กับการอ่านจึงเป็นการตรวจสอบสิ่งที่ตัวเองอ่าน รวมถึงความคิดที่ผุดขึ้นมาระหว่างอ่านตลอดเวลาเช่นกัน
อ่านด้วยโยนิโสมนสิการก็อาจคิดไปด้วยว่า ทำไมผู้เขียนจึงเขียนสิ่งนี้ขึ้นมา มองเห็นด้านบวก-ด้านลบของสิ่งที่อ่านอยู่ เห็นเหตุปัจจัยของสิ่งที่เราอ่านว่ามีที่มาจากอะไร เตือนตัวเองว่าเราอ่านสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร รู้ทันคุณค่าที่ได้จากการอ่านว่าเป็นคุณค่าแท้หรือเทียม มองหาประโยชน์จากสิ่งที่อ่านได้อย่างไรบ้าง
หากอ่านเช่นนี้แล้ว การอ่านอาจไม่จำเป็นต้องเร็ว จำนวนเล่มที่มากอาจไม่สำคัญเท่าเราได้อะไรจากการอ่านหนึ่งเล่ม ซึ่งแน่นอนว่าถ้าอ่านได้มากและได้ประโยชน์มากด้วยก็ยิ่งวิเศษ แต่สำหรับตัวเองแล้ว ผมคิดว่าจะต้องฝึกฝนอีกสักระยะ พอประทับใจกับ 'ความเข้าใจ' จากวิธีการอ่านของพี่เตาทำให้อยากอ่านหนังสือให้ช้าลง ทำความเข้าใจกับเนื้อหาจนกระทั่งแปลงมาเป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นในตัวเองให้มากกว่าที่เคย
ซึ่งจะว่าไป การอ่านเช่นนี้ไม่ได้หมายถึงแค่อ่านหนังสือ แต่ยังนำหลักคิดนี้มาใช้ 'อ่าน' สิ่งต่างๆ ในชีวิตและสังคมได้ด้วย
ผมอาจเคยหลงไปกับคุณค่าเทียมที่เพียรบอกตัวเองว่าเดือนนี้อ่านหนังสือได้สิบเล่ม ทว่า-คุณค่าแท้จากการอ่านน่าจะอยู่ที่ปัญญาที่เกิดขึ้นจากการใส่ใจพิจารณาเนื้อหาในแต่ละเล่มอย่างแยบคายเสียมากกว่า
แต่ก่อนเวลามีคนชมว่า "เอ๋อ่านหนังสือเร็ว" ผมจะดีใจ ต่อไปคิดว่าตอบแบบพี่เตาอาจจะเท่กว่า "ผมอ่านหนังสือช้า"
ช้าๆ ได้ปัญญาเล่มงาม (ฮ่าฮ่า)
#นิ้วกลม
#Roundfinger
ความสับสน 在 Aey Supicha Facebook 的最佳解答
มะเฟืองคือน้องตาแป๋วๆ ที่เคยเป็นนักเขียนตอนอยู่คลีโอ วันหนึ่งมะเฟืองบอกว่า 'จะลาออก ไปเรียนต่อจิตวิทยานะพี่' ความจริงมะเฟืองจบนิเทศน์ศาสตร์ อินเตอร์ ที่จุฬาฯ และเธอเป็นคนที่เขียนงานดี สื่อตรงอารมณ์ผู้หญิงมากๆ แอบสงสัยและเชียร์มะเฟืองอยู่เลยตอนที่เธอบอก เอาจริงๆ ไม่คิดว่ามะเฟืองจะใจกล้าไปเริ่มจากศูนย์ได้ขนาดนั้น เพราะถ้าเธอเป็นนักเขียนแมกกาซีนต่อ ทั้งสกิลล์ ประสบการณ์ น่าจะต่อยอดให้เธอได้ดีกว่า แต่มะเฟืองเชื่อเสียงในใจเธอ เธอไปเรียนที่แอลเอจนสำเร็จ ได้บำบัดคนไข้จริงๆ ตามฝันของเธอแล้ว เหมือนที่เธอบอกว่า 'อยากช่วยคนเรื่องใจของเขา' เลยให้มะเฟืองเขียนความรู้สึกของเธอมาให้สาวๆ อ่าน มะเฟืองมีฝัน และสู้ทำฝันให้เป็นจริง ลองอ่านดูนะคะ
"เมื่อก่อนตอนใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพ
เราเป็นลูกคุณหนูเบอร์หนึ่ง
จะตัดสินใจทำอะไร ก็มักต้องพึ่งความเห็นจากคุณแม่เสมอ
ตอนทำคลีโอก็เหมือนกัน
เราเป็นลูกแหง่มือฉมังของพี่เอ๋
ทำงานเก่งจริง แต่ดราม่าก็เก่งไม่แพ้
ภายนอกดูเหมือนเป็นผู้หญิงมีความมั่นใจ กล้าแสดงออกมากเลยนะ
แต่จริงๆ แล้ว
ทั้งหมดที่ทำ ก็ล้วนแต่อยู่ในคอมฟอร์ตโซนทั้งสิ้น
คอมฟอร์ตโซนที่ว่านี้ หมายรวมถึงทั้งสถานที่ และตัวบุคคล
พอมาต่อโทที่แอลเอ
มันได้ลอกคราบทุกอย่างที่เรายึดมั่นถือมั่น ‘จากภายนอก’ ออกหมดเลย
ไม่มีใครเข้าใจว่า
เห้ย เป็นเด็กมาแตร์ มันเริ่ดยังไง
เรียนจุฬานี่เยี่ยมขนาดไหน
ทำงานที่คลีโอ นิตยสารเบอร์หนึ่งเลยนะเว้ย
ฐานะทางสังคมนอกกายทุกอย่างของเรา
ที่เคยภูมิใจกับมันมากๆ
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อมาอยู่นี่ เพราะไม่มีใครนั่งแคร์
จะทำความรู้จักกับใคร
เขาเหล่านั้น ไม่ใช่ เพื่อนของเพื่อน หรือใครในวงโคจรของเราอีกต่อไป
ทุกอย่างใหม่สดหมดเปลือก
ตัวตนของเราค่อยๆ ชัดขึ้น จริงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อความเข้าใจในตัวเองอย่างไม่ผูกติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ มันมา
ความกล้าที่จะลองทำอะไร
ออกไปเจอใคร
แบบไม่กลัวคนอื่นตัดสินก็เกิดขึ้น
ใช่ค่ะ
คอมฟอร์ตโซนที่เราเคยมีให้ความรัก
มันก็ถูกทะลายลงที่แอลเอด้วยเหมือนกัน
ไหนๆ เคยคบกับคนที่มาจากวงเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แล้ว
นึกว่าจะปลอดภัยจากความเจ็บ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด
ก็ลองเปิดใจเต็มที่ให้กับคนที่เขาสะกิดใจกับเรา
แค่เพียงเพราะ เราเป็นเรา แบบเพียวๆ นี้เลยละกัน
เราได้เจอทั้งความตื่นเต้น หัวใจรัวตึกๆๆ
(แอบเหล่กันไปมาอยู่นานในร้านกาแฟ, กว่าจะได้ทำความรู้จักซะที)
ความกลัว
(เธอบอกว่าเธอทำงานใน ‘เพนตากอน’… เธอไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตใช่ปะ?)
ความจั๊กจี้ ลุ้นระทึก
ความสับสน สงสัย
ความอุ่นใจ
การเดินทางเข้าไปสู่ความสัมพันธ์นอก type ของเราอย่างสิ้นเชิง
และความรักลึกซึ้ง ที่ระเหยขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ความเสียดาย… ความรู้ตัวเมื่อสาย…
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เราได้ใช้เวลาทบทวน
ด้วยความที่เราเรียนจิตวิทยาคลีนิค
หนึ่งทักษะชีวิตที่เซียนมากตอนนี้
คือการ ‘เผชิญหน้ากับความไม่สบายทั้งหลาย’ – sit with the uncomfortable
เพราะไม่ว่าห้วงอารมณ์เราจะปั่นป่วน
จากการได้คุยกับคนไข้ในฐานะนักจิตบำบัดขนาดไหน
‘เราโทรไประบายให้เพื่อนสนิทฟัง’
เหมือนที่โทรไปเม้าท์มอยเป็นประจำ ไม่ได้
มีแค่ตัวเราเองเท่านั้น ที่ต้องหาทางจัดการกับมัน
‘เรายืมคนอื่น สิ่งอื่น มาเป็นเครื่องทุ่นแรงความเจ็บปวด’ ของเราไม่ได้แล้ว
ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่แกร่ง… โดยเฉพาะเรื่องความรัก
ไม่ใช่แกร่งในทางที่ว่า ‘ฉันไม่มีวันทุ่มรักของฉันให้ใครแบบเต็มร้อยอีกแล้ว’
เปล่าเลย
เราเจออินเนอร์ของตัวเองที่ชัดขึ้น
ว่าจะไม่ยอมจำนนต่อคติผู้หญิงหัวรุนแรงทั้งหลาย
ที่บอกเอาไว้ว่า ‘น้ำตาของฉันมีค่า -ไม่ต้องไปเสียให้ผู้ชาย’
เรารู้สึกว่า ยังไงเราก็คือผู้หญิงที่รักใครแล้วให้หมดทั้งใจอยู่ดี
เพราะหัวใจเราถูกออกแบบมาให้ใช้งานแบบนี้
มันคือการแกร่ง
ที่จะอยู่กับความเจ็บ
หากความรักนั้นได้จากเราไป
ไม่กลบ
ไม่หลบหนี
ไม่ละความสนใจไปสิ่งอื่น
อยู่กับมัน.
อยู่กับมันถึงแม้ว่ามันจะแหลกสลายนั่นแหละ
‘เมื่อความรักมันสามารถเดินทางมาเจอเราได้
สักวันความเจ็บก็คงหาทางเดินออกจากเราได้เหมือนกัน’
และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ความรักมักสอนสิ่งมีค่าบางอย่างให้เราเสมอ
เรารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนกล้าหาญและมีพลัง
ย้อนกลับไปดูรูปของตัวเองในวันเก่าๆ เมื่อหลายปีก่อน
เราสามารถบอกได้เลยว่า
ช่วงเวลานั้นๆ กำลังมีความสุขขนาดไหน
เราเห็นตัวเอง กำลังยิ้ม แต่ด้วยดวงตาที่โศกเศร้า
ในวันที่ช้ำ
และบางรูป ที่เห็นตัวเองยิ้มร่า พร้อมดวงตาเบิกบานที่สุดจากหัวใจ
ในวันที่ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ
ส่วนในตอนนี้
ทุกครั้งที่เรามองตัวเองในกระจก
บางครั้ง เราก็บอกตัวเองไม่ถูก
ว่ามันเป็นแววตาที่มีความสุข หรือมีความเศร้า
แต่เรารู้แน่ทุกครั้ง
ว่านั่นเป็นแววตาที่ทำให้เรารู้สึก
‘ภูมิใจ’"
ตามงานมะเฟืองต่อได้ที่ @beautiful madness by mafuang นะคะ
ความสับสน 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
ความเมตตานั้นไม่ง่าย
---
สิ่งที่ยากมากคือเท่าทันตัวเองว่าเราชอบคิดว่าเราคิดถูก เราชอบคิดว่าเราเป็นคนดี สิ่งที่เราเลือกนั้นถูกต้อง สิ่งที่เราทำนั้นเหมาะสมแล้ว
ซึ่ง...ไม่จริงเลย
เราผิดบางอย่างในสายตาบางคน, เสมอ
แต่ถูก-ผิดเป็นเรื่องไม่ต้องมาเถียงกัน
เราไม่เพียงคิดว่าเราถูกเท่านั้น เรายังยอมรับบางส่วนที่ดีงามของตัวเอง และผลักไสส่วนที่ไม่สวยงามทิ้งไปว่านั่นไม่ใช่ฉัน หรือไม่ก็พยายามกดไว้ เก็บไว้ หรือกลั้นไว้
แต่มันไม่หายไปไหน เพราะทั้งหมดนั้นคือส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน
ความเลว ความคิดทุเรศ ความเศร้า ความอิจฉา ความสับสน ความเครียด ความทุกข์ ความอยาก ความโลภ เรารู้ว่ามันไม่ดี จึงพยายามทำเหมือนมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตตัวเอง เมื่อเกิดขึ้นก็พยายามกำจัด
เราอาจเผลอคิดว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่มีแต่เรื่องบวกๆ และลดทอนหรือกำจัดเรื่องลบๆ ไปให้หมดสิ้น
ว่าแต่, มันหมดได้จริงหรือ
มีด้านทุเรศในตัวเราเสมอ ในความเป็นปุถุชน แน่ล่ะ ก็ต้องฝึกฝนให้พัฒนาขึ้น แต่ตราบที่ยังอยู่บนเส้นทางก็ใช่ว่าจะขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง
หากโอบรับด้านมืดและสีเทาของตัวเอง อนุญาตให้มันเกิดขึ้น และยอมรับในความเกรี้ยวกราด ลังเล หมกมุ่น ซึมเซา เหล่านี้ว่า--เออ นี่ก็ฉัน เราย่อมเป็นมิตรกับตัวจริงของตัวเองมากขึ้น
ปล่อยมันออกมาตามจริง โกรธ เศร้า ทุกข์ บ้าคลั่ง บ้าบอบางเวลา เป็นปกติมนุษย์
ทั้งหมดจึงเป็นเรา
การยอมรับด้านแย่ในตัวคนอื่นว่ายากแล้ว การยอมรับด้านแย่ในตัวเองนั้นยากกว่ามาก
หากยอมรับด้านแย่ในตัวคนอื่นได้แปลว่าเรามีเมตตาต่อเขา หากยอมรับด้านแย่ในตัวเรา แปลว่าเรามีเมตตาต่อตัวเอง
ซึ่งสำคัญมาก
การไม่ผลักไสและพยักหน้ายอมรับ 'ทั้งหมด' นั้น
ไม่ติดกับภาพลักษณ์เลิศเลอที่จินตนาการมองเห็นตัวเองว่าสวยหล่อกว่าที่ตัวเองเป็น ดีงามเกินจริง
แต่เป็นตามจริง
ดีๆ ชั่วๆ ปนๆ แต่ยอมรับว่าเราก็ดีๆ ชั่วๆ แบบนี้ แต่ยังพยายามฝึกตนให้ดีขึ้นทุกวัน
เมื่อเห็นด้านเลวร้ายของตัวเองก็จะยอมรับความเลวร้ายของคนอื่นได้ง่ายกว่าเดิม เพราะเรามิได้เลิศเลอไปกว่าใคร
เห็นความชั่วในตัวเองก็ตัดสินคนอื่นน้อยลง
ความเมตตาต่อตัวเองจึงไม่ง่าย เพราะมันเริ่มด้วยการยอมรับว่าฉันไม่ได้ดีอย่างที่ฉันคิดหรือคาดหวัง
แต่...ฉันโอเคกับทั้งหมดนั้น และยอมรับ
และฝึกฝนเพื่อดีกว่าเมื่อวาน
คนอื่นก็เช่นกัน
แล้วเราจะใช้ชีวิตท่ามกลางดีๆ เลวๆ สลับๆ กันแบบนี้ไปด้วยกัน
ในความเป็นมนุษย์ดีชั่วปะปนในตัวทุกคน สิ่งสำคัญที่เราต้องการจึงเป็นความเมตตา
เมตตามิใช่มีไว้สำหรับเห็นใจผู้ตกทุกข์เท่านั้น หากมีไว้เพื่อคนดีๆ ชั่วๆ ทุกคน
รวมถึงตัวเราเองด้วย