雖然這篇คริสต์ ศตวรรษ ที่ 12鄉民發文沒有被收入到精華區:在คริสต์ ศตวรรษ ที่ 12這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 คริสต์產品中有29篇Facebook貼文,粉絲數超過9,749的網紅Namwaan Kannaporn,也在其Facebook貼文中提到, ละครจบลงแล้ว หวานขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้หวานได้รับบท “คริสต์” นะคะ ขอบคุณคุณพ่อของพวกเรา พี่ฉิก ผกก.คนเก่งและแสนจะใจดี ใจเย็น ที่คอยปั้นทุกฉ...
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過65萬的網紅CHANAWAN,也在其Youtube影片中提到,โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดในประเทศ จันทบุรี โบสถ์คาทอลิกที่สวยที่สุดในประเทศ พาเที่ยวจันทบุรีอินดี้ง่ายๆสบายชิวๆ...
「คริสต์」的推薦目錄
- 關於คริสต์ 在 ??????? ????????? ?????????? Instagram 的最佳貼文
- 關於คริสต์ 在 KAW’JUTARAT Instagram 的精選貼文
- 關於คริสต์ 在 ภาษาไทยครูลิลลี่ Instagram 的最佳貼文
- 關於คริสต์ 在 Namwaan Kannaporn Facebook 的最佳貼文
- 關於คริสต์ 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最佳解答
- 關於คริสต์ 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
- 關於คริสต์ 在 CHANAWAN Youtube 的最佳解答
- 關於คริสต์ 在 Ja is so fly Youtube 的最佳解答
- 關於คริสต์ 在 ESANPLAZA Youtube 的最佳解答
คริสต์ 在 ??????? ????????? ?????????? Instagram 的最佳貼文
2021-08-18 08:36:25
ละครจบลงแล้ว หวานขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้โอกาสหวานได้รับบท “คริสต์” นะคะ ขอบคุณคุณพ่อของพวกเรา พี่ฉิก ผกก.คนเก่งและแสนจะใจดี ใจเย็น ที่คอยปั้นทุกฉ...
คริสต์ 在 KAW’JUTARAT Instagram 的精選貼文
2021-04-23 06:41:52
เพราะความแน่นอนที่แท้จริงคือไม่มีอะไรแน่นอน เหมือนเรื่องราวที่เราไม่ได้วางแผนมาว่าจะเจอก็ต้องเจอ... #ขอพื้นที่เรียงความนะคะ #สำหรับใครที่มีความสนใจในเ...
คริสต์ 在 ภาษาไทยครูลิลลี่ Instagram 的最佳貼文
2021-02-03 03:54:29
พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู ทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี...
-
คริสต์ 在 Ja is so fly Youtube 的最佳解答
2019-07-19 19:35:44พาเที่ยวเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส
ลิปสติกใช้ในคลิป (So Fly)
Facebook: http://www.facebook.com/soflymakeup
instagram: http://www.instagram.com/sofly_makeup
LINE: ja_is_so_fly (เฉพาะลูกค้าลิปเท่านั้น)
Follow me on
Facebook: http://www.facebook.com/jaissoflyblog
instagram: http://www.instagram.com/ja_is_so_fly -
คริสต์ 在 ESANPLAZA Youtube 的最佳解答
2019-04-02 19:00:02#ข่าวคราวชาวอีสาน
#ตำนานกล่าวขาน
เรื่องเล่าจากคนจริง ทั่วแดน #อีสาน
#พยานาค #คำชโนด
ข่าวคนบ้านเดียวกัน
#ข่าวสนุก #ข่าวดี
#เรื่องเล่านอีสานวันนีั้
เล่าเรื่องโดย สาวตุ๊ นิลบล คนงาม
ขอบคุณเสียงพิณม่วนๆของพี่ โนชานนท์
ช่องเพลงเด็ก แฟชั่นเด็ก ของเล่นเด็ก คลิกเลยจ้า
http://www.thaikidssong.com/
คริสต์ 在 Namwaan Kannaporn Facebook 的最佳貼文
ละครจบลงแล้ว หวานขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้หวานได้รับบท “คริสต์” นะคะ
ขอบคุณคุณพ่อของพวกเรา พี่ฉิก ผกก.คนเก่งและแสนจะใจดี ใจเย็น ที่คอยปั้นทุกฉาก ทุกตัวละคร ทุกอารมณ์ให้ออกมาดีไม่เคยบ่น หรือบ่นแต่พวกเราก็ไม่รู้55
ขอบคุณคอสตูม เสื้อผ้า หน้าผม ที่เนรมิตรชุดต่างๆให้คริสต์ออกมาแล้วมีแต่คนชอบ ช่วยหวานให้เป็นคริสต์ได้สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก เรื่องนี้หวานได้แต่งตัวเยอะมาก แฟชั่นสุดๆชอบมากๆ อยากจะตามไปสอยทุกชุดเลย แล้วเวลามากองคือต้องดูชุดก่อน ไม่ใช่อะไรนะ เพราะบางชุดกินข้าวไม่ได้เลย ถ่ายเสร็จแล้วถึงจะค่อยกิน เพื่อความสวยงาม อิอิ
ขอบคุณทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลังทุกๆฝ่ายเลยนะคะ ทีมหน้าเซ็ท ทีมกล้อง ทีมอาร์ต ทีมไฟ ทีมสวัสดิการ ทีมประสานงาน ทุกๆทีมเลย คงขาดทีมใดทีมหนึ่งไปไม่ได้ เพราะเราทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค งานถึงได้ออกมาดี ตลอดเวลาที่ได้ไปกองสนุกมาก เหมือนไปเจอพี่ๆเพื่อนๆน้องๆเลย เอาขนมมาแบ่งกันกิน เอาเกมส์มาเล่น ขิงใส่กัน5555 ตลกอ่ะ คิดถึงบรรยากาศตอนทำงานมากๆ
และสุดท้ายขอบคุณพาร์ทเนอร์ที่ดีมากๆค่ะ นักแสดงทุกท่านที่คอยรับส่งอารมณ์ต่อบทกันก่อนไปหน้าเซ็ทตลอด นิว มิ้นท์ เทมส์ เป็ปเปอร์ แคทย่า น๊าา
ขอบคุณพี่แพนนะคะคือพี่แพนช่วยหวานเยอะมากๆ ตั้งแต่วันฟิตติ้งแล้ว และเวลาเข้าฉากด้วยกันอีก ทำให้หวานเป็นคริสต์ที่ดูโปรขึ้นมาเลย หวานไม่สามารถทำได้คนเดียวแน่ๆ ดีใจที่ได้กลับมาเล่นละครด้วยกันอีกครั้งนะคะพี่แพน
และลุงของพวกเรา555 ขอบคุณพี่เป๊กนะคะที่เป็นกานต์ที่สมบูรณ์แบบทำให้คริสต์ดูเป็นคนน่าสงสารเลย 555555 ดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกคนเลยนะคะ สุดท้าย
ขอบคุณ”คริสต์”ที่ทำให้เราได้โตขึ้นอีก ทำการบ้านเยอะมาก เครียดมาก กดดันอยู่คนเดียว แต่ก็ผ่านมาได้ อาจจะยังไม่ได้ดีมาก ยังต้องพัฒนาและปรับปรุงอีก แต่เราก็พยายามและเต็มที่แล้ว
และท้ายที่สุด ขอบคุณคนดูทุกๆคนเลยนะคะที่ติดตามและชื่นชอบละครเรื่องนี้ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ลองดูนะคะแล้วจะพบกับเรื่องราวความรักในรูปแบบต่างๆ ทั้งเรื่องราวความรักระหว่างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือความรักในแบบชายหญิง ที่เราก็คงเคยเจอหรืออยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาแล้วบ้าง เผื่อว่าจะได้ข้อคิดหรือแนวทางอะไรไปปรับใช้กันนะคะ
#INeedRomanceTH #รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ ,,
แล้วพบกันใหม่นะคะ ♥️🙏🏻
คริสต์ 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最佳解答
*** ศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือไม่ใช่พุทธแท้ แต่เป็นศาสนาผสมระหว่างผี-พราหมณ์-พุทธ ***
1. ศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ เกิดจากการการรวมกันของสามศาสนา ได้แก่ ผี, พราหมณ์, และพุทธ ซึ่งทั้งสามศาสนามีต่อสู้ช่วงชิงพื้นที่ และการประนีประนอมแบ่งพื้นที่ระหว่างกันมาตลอดในประวัติศาสตร์
2. ศาสนาผีคือศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของชาวไทย พื้นฐานมันอยู่บนความเชื่อที่ว่าสรรพสิ่งรอบๆ ตัวเรานั้นมี "ผี" หรือวิญญานสถิตย์อยู่ และผีนั้นให้คุณให้โทษแก่เราได้
3. ศาสนาผีแบบไทยไม่ใช่แค่ concept มันเคยมีนักบวช มีโบสถ์วิหาร มีชุดเทพเจ้า ชุดศีลธรรม และชุดความเชื่อของตนเอง เพียงแต่ต่อมาถูกศาสนาพุทธช่วงชิงพื้นที่ทางการไป
4. แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยมีศาสนาผีอยู่ กระนั้นศาสนาผีก็ยังแฝงอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา คีย์เวิร์ดของศาสนาผี และสิ่งที่พัฒนามาจากมัน เช่น "ผีแถน" "ขวัญ" "ของขวัญ" "ศาลพระภูมิ" "ศาลพระพรหม" "ต้นไม้ผูกผ้า" หรือแม้กระทั่ง "พระเครื่อง"
5. ในการช่วงชิงพื้นที่กันนั้น ศาสนาพุทธสามารถชิงได้พื้นที่ทางการ เช่นชื่อในการนับถือ, รูปแบบประเพณี, วัด, นักบวช, พื้นที่ศีลธรรมระดับคนปกติ เช่นศีลห้า, และพื้นที่ศีลธรรมระดับเหนือปกติ เช่นความเชื่อที่ว่าคนเราควรแสวงหาความหลุดพ้น มุ่งสู่นิพพาน
6. ศาสนาพราหมณ์ชิงได้พื้นที่ของตำนาน, รูปแบบ, และพิธีกรรมที่มีความอลังการ เช่นหน้าบันอุโบสถมีรูปนารายณ์ทรงครุฑ, ประเพณีลอยกระทง, หรือแม้แต่พระราชพิธีของกษัตริย์ก็ต้องมีพราหมณ์เวอร์ชันไทยมาประกอบ (เป็นคนละเวอร์ชันกับพราหมณ์อินเดียนะครับ)
7. แต่ศาสนาผี สามารถช่วงชิงพื้นที่ๆ สำคัญที่สุดในใจคนไทย นั่นคือคอนเซปความเชื่อที่ว่ามีผีสถิตย์อยู่รอบๆ ตัวเรา มีทั้งผีดี ผีร้าย แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็นับถือได้หมด (ถ้าเป็นผีร้ายก็ไหว้เพื่อไม่ให้ทำอันตรายเรา)
8. เวลาที่คุณเดินเข้าวัดไทย คุณจะพบว่ามันเป็นที่ๆ มีรูปปั้นพระพิฆเนศ, เจ้าแม่กวนอิม, ศาลปู่ย่า, ต้นตะเคียน, พระราหู, ชูชก, พระเกจิ, รูปกษัตริย์และวีรชนโบราณ, กุมารทอง, พญานาค, และพระพุทธรูปอยู่ร่วมกันได้โดยกลมกลืน นั่นไม่ใช่เพราะเรานับถือหลายศาสนา แต่เป็นเพราะเรานับถือศาสนา "ผี" ซึ่งมองสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละอย่างที่กล่าวมาเป็น "ผี" ตนหนึ่ง
9. แม้แต่พระพุทธรูป บางทีก็เป็นตัวแทนของ "ผี" กล่าวคือพระพุทธรูปนั้นควรจะถูกปั้นขึ้นเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธรูปของไทยนั้นมีชื่อ, มีนิสัย, มีฤทธิ์แตกต่างกัน, ชอบของแก้บนแตกต่างกัน, ชอบอยู่ในสถานที่แตกต่างกัน นั่นแปลว่าคนไทยไม่ได้เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในพระพุทธรูปคือพระพุทธเจ้า แต่เป็นผีที่อาศัยสิงพระพุทธรูปองค์นั้นๆ อยู่
10. คนไทยนับถือศาสนาผสมอย่างนี้มานานแล้ว จนกระทั่งยุค ร.4- ร.5 ถึงค่อยมีความเคลื่อนไหวที่จะ "เอาผีกับพราหมณ์ออก" และปรับพุทธให้บริสุทธิ์ ทั้งนี้เพื่อแสดงให้ฝรั่งเห็นว่าไทยเป็นประเทศเจริญ ไม่ได้กราบไหว้ต้นไม้ ฝรั่งไม่จำเป็นต้องล่าอาณานิคมเผื่อแพร่ความเจริญก็ได้
11. ความเคลื่อนไหวพุทธบริสุทธิ์นั้น จนปัจจุบันก็นับถือแค่ในหมู่ชนชั้นกลางจำนวนนึง แต่ยังไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่จะมาล้มล้างศาสนาผสม ผี-พราหมณ์-พุทธ ที่นับถือมาตลอดได้ ปัจจุบันมีการนับถือศาสนาผสมอยู่ในทุกระดับของสังคม
12. ปัจจุบันพื้นที่ "ศีลธรรมชั้นสูง" ของศาสนาพุทธเองยังค่อยๆ ถูกแย่งชิงด้วย "ศีลธรรมสมัยใหม่" ที่เข้ามา ศีลธรรมสมัยใหม่นี้ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นชุดความเชื่อที่ชี้ว่าอะไรถูกอะไรผิดตามหลักสากล ยกตัวอย่างเช่น คนเรานั้นเท่าเทียมกัน, คนทุกเพศควรจะมีโอกาสเท่าเทียมกัน, การทำอะไรควรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พวกนี้บางเรื่องก็ขัดกับความเชื่อพุทธ เช่นศีลธรรมสมัยใหม่จะไม่ชอบความเชื่อเรื่องบุญญาธิการของพุทธ เพราะมันทำให้คนยอมรับความไม่เท่าเทียมกันได้ง่ายเกินไป
13. เหตุใดเมื่อพูดถึงศาสนาหลักๆ อย่างพุทธ คริสต์ อิสลาม เรามักใช้คำว่า "ศรัทธา" แต่เมื่อพูดถึงศาสนาผี เรากลับมักใช้คำว่า "งมงาย" ? ความงมงายกับความศรัทธาต่างกันอย่างไร?
14. เราควรพอใจที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาผสมเช่นนี้หรือไม่?
15. พวกเราบางคนศรัทธาในศาสนาผสมผี-พราหมณ์-พุทธ พวกเราบางคนคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องงมงาย แต่เหนือพ้นจากเรื่องของความเชื่อแล้วการเข้าใจมันมากขึ้น จะทำให้เราเข้าใจ "ตนเอง" มากขึ้น
::: ::: :::
เมื่อวานมีการแชร์วีดีโอในชุด "ศาสนาที่ถูกลืม" ไปเป็นพันแชร์ ในระยะเวลาอันสั้น ผมไม่แน่ใจว่าท่านใดเอาไปแชร์ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่ก็เลยเอา content มารีโพสต์อีกทีนะครับ
ขอเชิญท่านที่สนใจฟังต่อได้ใน สารคดีชุด "ศาสนาที่ถูกลืม ตอนที่ 2 (ที่ถูกแชร์ไปเยอะ) ทาง link https://www.facebook.com/609007899175923/videos/275125793591492
และดูทั้งซีรีย์ทางนี้
https://www.facebook.com/watch/pongsorn.bhumiwat/670023376973121/
มาร่วมค้นหาความหมายที่แฝงในของรากเหง้าของคนไทยเรานะครับ :)
คริสต์ 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
(***เผยส่วนสำคัญของเรื่อง***)
Minari คือเรื่องราวของครอบครัวเกาหลีในอเมริกา 'เจคอบ' คุณพ่อมีความฝันอยากสร้าง 'สวนสวรรค์' ปลูกพืชพันธุ์เกาหลีขึ้นในพื้นที่ที่ขึ้นชื่อว่าดินดีอุดมสมบูรณ์ เขาวาดฝันถึงฟาร์มขนาดใหญ่ หวังไว้ว่าถ้าสำเร็จจะเลี้ยงครอบครัวได้ แน่นอน เขาทุ่มเทกับการทำงานหนักโดยมองว่าอนาคตย่อมมีรางวัลตอบแทน
ในเวลาเดียวกัน เจคอบกับโมนิกา (ภรรยา) ก็ต้องทำงานในโรงงานคัดแยกลูกไก่ตัวผู้ออกจากตัวเมีย เพื่อนำตัวผู้ทั้งหลายไปกำจัดเพราะในมุมพ่อค้าไก่นั้นตัวผู้ไม่อร่อย ออกไข่ไม่ได้ จึงไร้ประโยชน์ หากอยากมีชีวิตรอดจึงต้องทำตัวให้ 'เป็นประโยชน์'
หนังถูกหุ้มห่อไปด้วยความฝันแบบอเมริกันและการเอาตัวรอดในโลกทุนนิยมที่ผลักดันให้ทำงานหนักและรับผิดชอบชีวิตตัวเอง อวลไปด้วยบรรยากาศของคริสต์ศาสนาหุ่มคลุมอยู่ทั้งเรื่อง ตั้งแต่เพื่อนบ้านผู้มีศรัทธาแรงกล้าอย่างพอล การไปโบสถ์ รวมถึงรายละเอียดที่ประดับบ้านอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งไม้กางเขน รูปพระคริสต์ ฯลฯ
🔸️🔸️🔸️
เจคอบต้องการสร้าง 'สวนเอเดน' ของเขาขึ้นมา บางคนบอกว่าความรู้สึกของการอยากหวนคืนสู่สวนเอเดนของมนุษย์เป็นสากล คือต้องการกลับคืนสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง ในคำอธิบายแบบธเนศ วงศ์ยานนาวา (ซึ่งเพิ่งพูดในห้องความเหงาฯ ในคลับเฮ้าส์) จะอธิบายว่าคริสต์ศาสนามีคำสอนเกี่ยวกับการสละครอบครัวเพื่อไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า Matthew 19:29 “และทุกคนที่สละบ้าน พี่น้อง ชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นา เพราะเห็นแก่นามของเรา คนนั้นจะได้ผลร้อยเท่าและชีวิตนิรันดร์ด้วย”
เมื่อออกเดินทางไปบนเส้นทางที่ตัวเองเลือก (ซึ่งเป็นวิถีแบบปัจเจกอันจะนำไปสู่ความเป็นฮีโร่-ตามคำอธิบายของธเนศ) คุณก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไล่ล่าความฝัน ทำให้สำเร็จ สิ่งนี้ก็มาสอดรับกันพอดีกับวิถีทุนนิยม
🔸️🔸️🔸️
เจคอบจึงดำเนินชีวิตเพื่อไล่ล่าความฝันและความสำเร็จแบบอเมริกันด้วยการพยายามปลูกพืชพันธุ์เกาหลีขึ้นบนดินอเมริกา ขณะที่มุ่งหน้าบากบั่นสู่ความสำเร็จส่วนตัว เขาก็ค่อยๆ ร้าวฉานกับครอบครัวมากขึ้นเรื่อยๆ เชื่อมั่นในตัวเอง พึ่งพาคนอื่นน้อย พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่หาแหล่งน้ำ ขุดบ่อ เตรียมดิน เขาไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร ยกเว้นก็แต่พอล-เพื่อนบ้านผู้ศรัทธาต่อพระเจ้าที่รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองซึ่งหยิบยื่นความช่วยเหลือด้วยรัก
หนังแสดงให้เห็นความแตกต่างของคุณค่าแบบอเมริกันและสังคมตะวันออกอย่างเกาหลีในมิติต่างๆ อย่างที่คุณยายเอ่ยปากว่า เด็กอเมริกันไม่ชอบนอนร่วมห้องกับคนอื่น นี่ก็เป็นภาพที่แสดงความเป็นปัจเจกที่ชัดเจน
แม้หนังอยู่กับบรรยากาศทุ่งกว้างสีเขียวและแดดจ้าตลอดแทบทั้งเรื่อง แต่กลับให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกิน ก็เพราะความมุ่งมั่นที่อยากสำเร็จเพียงลำพังของเจคอบนั่นเองที่สร้างความรู้สึกนี้ขึ้นมา
🔸️🔸️🔸️
คุณยายที่เดินทางจากเกาหลีเพื่อมาอยู่ร่วมกับครอบครัวกลายเป็นคนที่นำเอา 'ความเกาหลี' หรือโลกตะวันออกติดมือมาด้วย ตั้งแต่พริกป่น ปลาแห้ง ไพ่เกาหลี กระทั่งไอเดียว่าน่าจะปลูก 'มินาริ' ไว้ริมลำธาร เพราะมินาริเป็นพืชเกาหลีที่โตง่าย ทนทาน ลมแรงก็เอนไปตามลม มันเหมือนวัชพืชแต่ก็กินได้ด้วย
'มินาริ' จึงเป็นพืชพันธุ์ที่ไม่ 'พยายาม' มันมีชีวิตรอดได้โดยไม่ฝืนธรรมชาติ เพียงอยู่ตรงนั้นและเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อม
คุณยายมาพร้อมความเป็นครอบครัวใหญ่ที่ทุกคนในครอบครัวเชื่อมโยงดูแลกัน ยายมาดูแลหลาน เล่นกับหลาน ขณะที่หลานๆ ที่โตมาในสังคมอเมริกันรู้สึกว่าบุคลิกแบบนี้ไม่ใช่ 'ยาย' ในอุดมคติแบบที่พวกเขารับรู้ ยายต้องอบขนม พูดเพราะ อบอุ่น ไม่ 'บ้านบ้าน' แบบนี้ แต่แล้วคนที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดในเรื่องก็คือ 'เดวิด' ลูกชายตัวน้อยที่ค่อยๆ เปิดรับคุณยายและมีความเชื่อมโยงกับคนอื่นมากขึ้น ขณะที่พ่อแม่พี่สาวล้วนแล้วแต่โดดเดี่ยวจากกันและกัน แม้พี่สาวจะปลอบแม่แต่ก็ไม่มีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมนัก
🔸️🔸️🔸️
พืชพันธุ์เกาหลีที่ปลูกในดินอเมริกาไม่ได้งอกงามง่ายดาย เช่นกันกับความพยายามของคนเกาหลีในต่างแดน พวกเขาเหมือนพืชผิดดิน เป็นคนแปลกหน้า แต่ก็พยายามทุกวิถีทางในการเอาชีวิตรอด
ความทุ่มเทของเจคอบที่มีศรัทธาต่อความสำเร็จที่ไม่มีใครการันตีใดๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับความศรัทธาของพอลที่มีต่อพระเจ้า ซึ่งมีกิจวัตรสุดสัปดาห์เป็นการแบกกางเขนใหญ่เดินไปบนท้องถนน
ไม่แน่, ใครจะไปรู้, ความศรัทธาอย่างมากของพอลอาจทำให้เขากลายเป็น 'คนเพี้ยน' ในสายตาคนรอบข้าง คนในชุมชน หรือกระทั่งคนดูหนังอย่างเรา พอลซึ่งเป็นอเมริกันเองก็อาจเป็น 'คนแปลกหน้า' ของชาวอเมริกันด้วยกัน กระทั่งเป็นชาวคริสต์ที่แปลกหน้าสำหรับชาวคริสต์ด้วยกันเอง
ความเป็นเอเลี่ยนเกิดขึ้นในใจเราโดยไม่รู้ตัวเสมอ เพราะเราชอบเผลอตัดสินคนอื่นที่แตกต่างว่าแปลกประหลาด มีเส้นแบ่งจางๆ และชัดๆ ขีดขึ้นระหว่างเรากับมนุษย์คนอื่นเสมอ ไม่ต่างจากตอนที่เดวิดขีดเส้นระหว่างตัวเขากับคุณยายที่เพิ่งย้ายมาจากเกาหลี
🔸️🔸️🔸️
แล้วความพยายามของเจคอบทั้งหมดก็พังครืนในค่ำคืนหนึ่ง หลังจากที่คุณยายนำขยะไปเผาแล้วพลาดทำขยะติดไฟลามไปเผาเรือนเก็บผลผลิตไหม้วอดวายไปทั้งหลัง
ทุกอย่างที่พยายามมาพังพินาศ
บางครั้งชีวิตก็เป็นแบบนี้ ศรัทธาไม่ได้การันตีว่าจะลงเอยด้วยชีวิตที่ดีงาม และบางครั้งพระเจ้าก็ทดสอบศรัทธาผู้คนด้วยวิกฤตใหญ่ซึ่งฝากบทเรียนให้มนุษย์ผู้นั้น อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวันถัดไป
ห้วงยามที่ไฟโหมโรงเรือน คุณยายเดินจากไปอย่างไร้จุดหมาย อาจรู้สึกผิด เสียใจ และอาจรู้สึกไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ที่ไร้ประโยชน์ นอกจากไม่ทำประโยชน์แล้วยังทำลายความฝันและแหล่งรายได้ของบ้าน แต่แล้วหลานๆ ทั้งสอง โดยเฉพาะเดวิดนั่นเองที่ร้องเรียกและวิ่งไปตามคุณยาย 'กลับบ้านของเรา'
'ประโยชน์' ไม่ได้อยู่ที่การสร้างรายได้ ความสำเร็จ หรือการเป็นฮีโร่พิชิตฝันอย่างที่เจคอบพยายามมาตลอดทาง หากคุณค่าของคนคนหนึ่งอยู่ที่ความรัก ความผูกพัน สายสัมพันธ์ที่ผูกโยงเราไว้ด้วยกัน
มองด้วยสายตาของการค้าขาย ยายกับลูกไก่ตัวผู้ช่างไร้ประโยชน์ แต่ในความเป็นมนุษย์แล้ว เราไม่ควรตัดสิน 'ประโยชน์' ด้วยเกณฑ์การค้าหรือการสร้างรายได้
เช่นกันกับที่เจคอบไม่ควรตัดสินตัวเองว่าห่วยแตกจากการเป็นพ่อที่ล้มเหลวในการทำงานที่เขาพยายามอย่างหนัก เขาเป็นพ่อที่มีคุณค่าเสมอสำหรับคนในครอบครัว ตราบที่เขาให้คุณค่ากับคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน
🔸️🔸️🔸️
ตอนจบเรื่อง เจคอบกับเดวิดเดินไปที่ริมลำธาร ต้นมินาริที่คุณยายเพาะไว้แผ่ลามเป็นพื้นที่กว้าง เจคอบเองเริ่มเปิดรับความช่วยเหลือจากคนอื่น เขาเรียกนักสำรวจน้ำซึ่งใช้วิธีแปลกๆ มาหาแหล่งน้ำใหม่เพื่อเริ่มต้นใหม่
เขาทึ่งกับการได้เห็นต้นมินาริเติบโตงอกงามอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องประคบประหงม แถมยังเอ่ยชมคุณยายว่า คุณยายอ่านขาดจริงๆ ต้นมินาริมันขึ้นเองของมัน เพราะมันเป็นพืชที่ขึ้นง่ายอยู่ง่าย
'ดิน' ที่เหมาะกับการงอกงามมากที่สุดอาจจะเป็นความรัก และเราจะได้สัมผัสความรักเมื่อเราวางมือจากเครื่องไม้เครื่องมือที่เราจับถืออยู่คนเดียวเพื่อสร้าง 'สวนของฉัน' ลงเสียบ้าง แล้วยื่นมือไปรับความรักความช่วยเหลือจากคนอื่น มอบความรักให้คนอื่นบ้าง แลกเปลี่ยนความช่วยเหลือกัน
แม้หนังเรื่องนี้จะมีฉากเป็นท้องทุ่งเขียวขจี แต่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหนังที่มีฉากหลังเป็นดาวอังคารหรือดาวสักดวงอันไกลโพ้น เพราะเจคอบช่างโดดเดี่ยวเสียจริง ในดาวโลกที่เต็มไปด้วยผู้คน หลายหนที่บางคนรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ เพราะเราพยายามปลูกต้นไม้ของเราในสวนของเราด้วยมือของเราเอง--ตามลำพัง
ฝันลำพัง สู้ลำพัง สำเร็จเพียงลำพัง
🔸️🔸️🔸️
'สวนเอเดน' ไม่น่าใช่ 'สวนแห่งความสำเร็จ' แต่สวนสวรรค์นั้นน่าจะเป็นการกลับไปรวมกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง ซึ่งบางคนอาจเรียกว่าพระเจ้า และบางคนอาจเรียกว่าความรัก
'งู' ในสวนเอเดนก็น่ากลัวไม่ต่างจากงูที่เดวิดเจอริมลำธาร เหมือนที่คุณยายบอกว่า "สิ่งอันตราย ถ้าเราเห็นมันชัดเจนจะดีกว่าให้มันไปซ่อนตัวแล้วมาซุ่มฉกเรา" งูที่ว่านี้คืออาจหมายถึงความรู้สึกด้านมืดในใจมนุษย์ การแยกตัวออกจากสรรพสิ่ง จากผู้คนอื่น ความจองหอง ถือดี ทิฐิ อัตตา ฯลฯ ถ้ามันซ่อนอยู่ในใจโดยเราไม่รู้ตัวนั้นน่ากลัวกว่าการที่เรามองเห็นและยอมรับมัน
เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้เป็นไปตามที่ผู้กำกับได้ให้สัมภาษณ์ไว้คือ เขาอยากทำให้เห็นความซับซ้อนของมนุษย์ที่เราไม่สามารถแปะป้ายให้กับใครได้ว่าเขาเป็นพ่อ แม่ เกาหลี อเมริกัน คริสต์ คนต่างด้าว คนจน ผู้ศรัทธา ฯลฯ ตัวละครในเรื่องไม่ได้มีลักษณะสุดขั้ว ล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราเดินสวนกับคนเหล่านี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บางคนอาจแปลกๆ ในสายตาเรา แต่นั่นเองที่เขย่าการรับรู้ของเราว่ามีอคติใดบังตาอยู่หรือไม่
ขณะเดียวกันหนังก็ฉายภาพให้เห็นว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันควบคุมไม่ได้เหมือนทอร์นาโดตอนต้นเรื่องนั้นตกอยู่ภายใต้โครงสร้างค่านิยมนานาประการที่ผลักดันให้ตัวเองต้องดำเนินชีวิตไปตามคุณค่าเหล่านั้น เหมือนเส้นเชือกล่องหนที่คอยชักใยเราโดยไม่รู้ตัว
เราต่อสู้และฝืนทนเพื่อคุณค่าที่ยึดมั่น
ขณะที่ 'มินาริ' เพียงอยู่ตรงน้ัน, และงอกงาม
🌳
----------
สองทุ่ม คืนนี้ มีเปิดห้องคุยถึงหนังเรื่องนี้ในคลับเฮ้าส์ ใครสนใจก็เข้าไปแจมกันได้นะครับ รายละเอียดอยู่ในคอมเมนต์ครับผม ✌