[爆卦]กุมภัณฑ์ รากษส是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇กุมภัณฑ์ รากษส鄉民發文沒有被收入到精華區:在กุมภัณฑ์ รากษส這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 กุมภัณฑ์產品中有3篇Facebook貼文,粉絲數超過69萬的網紅The Ghost Radio,也在其Facebook貼文中提到, #ย้อนรอยเรื่องเล่า #Back to the ghost radio #ท่านมาวันพระใหญ่ __________________________________________ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณเบล ถ่ายทอดไว้ เมื...

 同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過109萬的網紅Bearry Channel,也在其Youtube影片中提到,#BearryChannel #แบร์รี่เล่าเรื่องหลอน **รูปประกอบบางรูปไม่เกี่ยวของกับเนื้อหา เป็นเพียงการนำเสนอเพื่อให้ท่านผู้ชมจินตนาการตามได้อย่างชัดเจนขึ้น โปรดใ...

  • กุมภัณฑ์ 在 The Ghost Radio Facebook 的最讚貼文

    2020-08-11 21:00:54
    有 2,884 人按讚

    #ย้อนรอยเรื่องเล่า
    #Back to the ghost radio
    #ท่านมาวันพระใหญ่
    __________________________________________
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณเบล ถ่ายทอดไว้
    เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ

    เรื่อง : ท่านมาวันพระใหญ่
    เล่าโดย : คุณเบล
    https://youtu.be/MvACWYYwQa8

    เกี่ยวกับการบูชา ท้าวเวสสุวรรณ
    และ พญายมราช ไว้บนพาน บนหิ้งเดียวกัน
    จนทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆที่หาคำตอบไม่ได้
    __________________________________________
    ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว
    ท้าวเวสสุวรรณ หรือ " ท้าวกุเวร “
    ผู้มีลักษณะเป็นยักษ์
    ยืนถือกระบองยาวหรือคทา
    เป็นอธิบดีแห่งอสูร
    เป็นเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย
    ทรงอิทธิฤทธิ์ อานุภาพมาก
    และเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่
    เป็นผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์
    ที่สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

    - อานิสงส์การบูชา "ท้าวเวสสุวรรณ"
    ความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง
    อำนาจวาสนา สูงสุดทางมหาเศรษฐีมีทรัพย์
    ลาภยศ สรรเสริญสุข บันดาลโชคลาภโภคทรัพย์
    ขจัดภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลไม่กล้าเข้ามารบกวน
    ——————————————————
    ท่านท้าวพญายมราช หรือ “ พระยม “
    มีลักษณะใบหน้าดุดัน
    พระวรกายสีแดง
    ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์
    พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์
    พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ท้าวยมทัณฑ์
    ทรงกระบือเป็นพาหนะ
    มีอิทธิฤทธิ์มาก ทำหน้าที่พิพากษา
    และปกครองดวงวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิ
    มีบริวารคือ ยมฑูต หรือ นายนิรยบาล
    มีหน้าที่นำวิญญาณทั้งหลายไปยังสำนักพญายม
    และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก

    - อานิสงส์การบูชา "พญายมราช"
    มีตบะบารมีที่น่าเกรงขาม
    ภูติผีปีศาจไม่กล้าระราน
    ศัตรูแพ้ภัยตัวเอง ต่ออายุไข อายุยืน
    มีความเจริญ มีความสุขในชีวิตยิ่งๆขึ้นไป
    ——————————————————
    ลำดับวัฏสงสาร ( ภพภูมิ )

    - ท้าวเวสสุวรรณมหาราช
    (เป็นเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา)
    *จาตุมหาราชิกาภูมิ คือ สวรรค์ชั้นที่ 1
    เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษยภูมิขึ้นไป
    เป็นผู้รักษามนุษยโลก เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล
    มีสถานที่ปกครองตั้งแต่ตอนกลาง
    ของเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก
    มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล
    ((เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้
    เป็นบริวารภายใต้อำนาจของท้าวเวสสุวรรณ))

    - พญายมราช (เป็นเวมานิกเปตร)
    “ชาติกำเนิดท่านคือจาตุมหาราชิกา
    เทวดาชั้นนี้จะถูกปกครองโดยท้าวเวสุวรรณ”
    พญายมราชเป็นเทวราชผู้ปกครองยมโลก
    เป็นราชาของเวมานิกเปรตทั้งหลาย
    *เวมานิกเปรต คือ เปรตอยู่วิมาน
    ได้เสวยสุขและทุกข์สลับกันไป
    บางตนข้างแรมเสวยทุกข์ ข้างขึ้นเสวยสุข
    บางตนกลางคืนเสวยสุข กลางวันเสวยทุกข์
    เวลาเสวยสุขอยู่ในวิมาน มีร่างเป็นทิพย์สวยงาม
    เวลาจะเสวยทุกข์ต้องออกจากวิมานไป
    และร่างกายก็กลายเป็นน่าเกลียดน่ากลัว
    ((บริวารของพญายม คือ ยมฑูต กุมภัณฑ์ พวกหนึ่งนั่นเอง))

    ตามลำดับวัฏสงสาร (ภพภูมิ)
    ท้าวเวสสุวรรณอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่าพญายมราช

    เพื่อความสบายใจ ในการบูชา
    แนะนำให้แยกหิ้งบูชา หรือจัดตำแหน่งการวาง
    โดยอ้างอิงตามลำดับภพภูมิก็ได้ค่ะ

    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
    ข้อมูลที่นำเสนอไปข้างต้น
    เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความเชื่อ
    ซึ่งแต่ละบุคคล อาจมีความเชื่อที่แตกต่างกัน
    ขอให้ท่านผู้ฟัง ผู้อ่าน โปรดใช้ดุลยพินิจ
    และวิจารณญาณ ในการรับสารข้อมูล
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

    อ้างอิงจากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
    และ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
    มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

    ขอบคุณแหล่งอ้างอิงและภาพประกอบจาก :
    https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=1437&Z=1537
    https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=6750&Z=7030
    https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95
    https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=475
    https://www.sanook.com/horoscope/143433/
    https://www.tnews.co.th/religion/355453/เผยตำนาน-ท้าวพญายมราช-อดีตชาติเป็นผู้นำหมู่บ้านที่เที่ยงธรรม-ได้ตัดสินประหารชีวิตพ่อผู้ให้กำเนิด-เพื่อทรงไว้ซึ่งคุณธรรม

  • กุมภัณฑ์ 在 Roundfinger Facebook 的最讚貼文

    2019-05-09 10:45:56
    有 496 人按讚


    ที่มาของพระตรีมูรติ ยักษ์ นาค กินรี ฯลฯ
    #ฝากกดไลก์ติดตามเพจนี้กันสักนิดนะครับ
    #จะนำหนังสือน่าอ่านมาเล่าสู่กันฟังเนืองๆครับ :)

    เทวตำนานในอริยวิถี
    เอกชัย สถาพรธนพัฒน์: เขียน
    สนพ.วิภาษา
    ---
    นี่คือหนึ่งในหนังสือที่อ่านแล้วเพลิดเพลินที่สุดในรอบปีนี้ หนังสือเชื่อมโยงเทวตำนาน งานศิลป์ วรรณกรรม วรรณคดี เกร็ดพุทธประวัติ ภูมิปัญญาตะวันออก ผีสางเทวดา ฯลฯ เข้าด้วยกันชวนให้หฤหรรษ์อย่างยิ่ง

    อ่านแล้วจะเห็นการใช้เทวตำนานหรือเทพปกรณัมในการทำความเข้าใจเบื้องลึกในใจมนุษย์ ได้เห็นว่าเรื่องราวเหนือจริงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสัญลักษณ์หรืออุปกรณ์ในการสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจคน

    โครงเรื่องของเทวตำนานมักเป็นการต่อสู้กันระหว่าง 'ดี' กับ 'ชั่ว' อันเป็นทวิภาวะ ซึ่งผสมผเสอยู่ในใจคนทุกคน จิตหนึ่งดวงจึงต้องตื่นรู้ผ่านอุปสรรคต่างๆ เพื่อบรรลุสู่ศานติ เมื่อเห็นมิตินี้ย่อมอ่านเทวตำนานในมุมใหม่ แทนที่จะคิดว่าเป็นจินตนาการไร้เหตุผล กลับกลายเป็นเรื่องราวเพื่อทบทวนสภาวะจิตใจตนเอง

    ...

    หนังสือบอกเล่ารากที่มาของหลายสิ่งในวัฒนธรรมไทยซึ่งสืบต่อมาจากอินเดีย เช่น

    + คำว่า 'ภิกขุ' แปลว่า 'ผู้ขอ' เป็นรากศัพท์ของคำว่า Beggar หรือ 'ขอทาน' ซึ่งนับแต่สมัยก่อนพุทธกาลก็มีเหล่ากษัตริย์และชนชั้นสูงที่เบื่อหน่ายลาภยศแล้วออกบวชเป็นฤาษีมุนีเพื่อแสวงหาโมกษะกันอยู่แล้ว กิจที่พวกท่านทำคือภิกขาจาร หรือขอข้าวจากชางบ้าน เพื่อมุ่งหมายทำลายอัตตาตัวตน

    + จักร เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รูปจักรจึงถูกนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศพระธรรมคำสอนเพื่อหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ที่มาของจักรมาจากอานุภาพแห่งกงล้อขอรถม้าศึกที่ชาวอารยันรุกไล่ยึดครองที่ทำกินของชนพื้นเมืองในลุ่มน้ำสินธุ จนก่อเกิดวัฒนธรรมพระเวท และระบบวรรณะขึ้นในชมพูทวีป

    มาถึงตรงนี้ก็ขอเล่าเรื่องนี้จากเล่มนี้ต่อเลยแล้วกัน

    ...

    ชมพูทวีปแต่เดิมเป็นที่อยู่ของชนเผ่าหลากหลาย ที่โดดเด่นคือชาวดราวิเดียน (ทราวิฑ) ซึ่งอพยพจากอิหร่านเข้ามาอินเดียช่วง 7,000 ปีก่อนพุทธกาล (9,000 กว่าปีนู้น)

    ชาวทราวิฑชำนาญเรื่องเกษตรกรรม เป็นผู้ก่อรากฐานอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ นครฮารัปปา นครโมเฮนโจดาโร อันรุ่งเรืองก็ฝีมือของพวกเขา

    ช่วง 3,000 ปีก่อนพุทธกาล ชาวอริยกะ (อารยัน) ชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายอินโด-ยูโรเปียนซึ่งชำนาญการรบ ก็บุกเข้ามาด้วยธนูและรถศึก (ม้า+ล้อหมุน) ซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำยุคกว่าเจ้าถิ่น ก็ค่อยๆ รุกคืบแย่งชิงที่ทำกินเหนือชาวทราวิฑ

    ชาวอารยันเหมาเรียกคนพื้นเมืองว่า 'มิลักขุ' มีความหมายเชิงกดข่มว่า 'พวกคนเศร้าหมอง ผิวดำ อัปลักษณ์ และป่าเถื่อน' ฝั่งอารยันนั้นผิวขาว สูง จมูกโด่ง ตาฟ้า ผมทอง

    ชาวทราวิฑส่วนหนึ่งไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจ บ้างต่อสู้ บ้างย้ายถิ่นถอยไปทางใต้กลายเป็นต้นกำเนิดของชาวทมิฬ สิงหล และลังกา

    พวกที่ยอมแพ้ก็กลายเป็นทาส ก่อเกิดระบบทาสและวรรณะ เกิดศัพท์เหยียดหยามที่ใช้เรียกชนพื้นเมือง เช่น คนธรรพ์ กินนร อัปสร ยักษ์ กุมภัณฑ์ นาค จำพวกนี้ขึ้น (เริ่มสนุกแล้วสิ)

    ...

    อัปสรและคนธรรพ์ จึงไม่ได้มีแค่ในวรรณคดีเท่านั้น แต่เป็นคำเรียกเชิงหมิ่นหยามว่าเป็นพวกคนป่าดงดอยที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ชำนาญเรื่องร้องรำทำเพลง แต่่ด้อยอารยธรรม (ที่ด้อยกว่าคือการรบน่ะนะ) ชาวอารยันจึงทำมาบำเรอเรื่องระบำรำฟ้อนและกามารมณ์

    กินนร กินรี เป็นคนธรรพ์พวกหนึ่ง ในวรรณคดีไทยคืออมนุษย์ (ครึ่งคน-ครึ่งนก) แต่ในวรรณกรรมอินเดียบอกว่า หัวเป็นม้าตัวเป็นคน ตามรากศัพท์ 'กิ' หรือ 'กิง' แปลว่า 'อะไร' ส่วน 'นร' (นอ-ระ) แปลว่า 'คน' รวมแล้วเป็น 'คนอัลไล' ก็เหยียดหยามเหมือนกัน ใช้เรียกคนที่มีสันดานชั่วร้าย

    ยักษ์ รากษส ใช้เรียกทราวิฑที่ไม่ยอมแพ้ชาวอารยันง่ายๆ ต่อต้าน ทำลายทรัพย์สิน แย่งชิงเสบียง ดุร้ายป่าเถื่อน ภาพลักษณ์ของยักษ์ในวรรณคดีจึงจับคนไปกิน ส่วนกุมภัณฑ์คือพวกเคยต่อต้านแล้วกลับใจมายอมแพ้ ในวรรณคดีจึงเป็นยักษ์ที่คอยรับใช้เทพเจ้า

    นาค ใช้เรียกชาวพื้นเมืองที่ดุร้ายป่าเถื่อน (อันนี้เขียนเล่าได้อีกหนึ่งโพสต์ยาวๆ) เดิมคำนี้ออกเสียงว่า 'น็อก' หรือ ng เป็นรากศัพท์ของคำว่า Naked หรือเปลือย เพราะชนพื้นเมืองไม่รู้จักสวมเสื้อผ้า อยู่ลึกลับตามป่าเขา ซุ่มทำร้าย จึงใช้ภาพงูเป็นตัวแทนสัตว์มีพิษที่ซ่อนตัวในที่ลับ นาคในวรรณกรรมอินเดียจะเป็นพญางูซึ่งมีพิษร้าย แต่ยอมสยบเป็นบริวารแก่มหาเทพ

    นี่คือการใช้ศัพท์เพื่อปกครอง ใช้วรรณกรรมเพื่อแสดงอำนาจระหว่างผู้มาใหม่ที่มายึดพื้นที่ของชนดั้งเดิม

    อ่านถึงตรงนี้ก็จะเริ่มรู้สึกว่า ต้องอ่านรามเกียรติ์สนุกขึ้นอีกเยอะเลย

    ...

    ชาวทราวิฑมีพื้นฐานเป็นสังคมเกษตรกรรม เทพเจ้าของพวกเขาจึงเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เทวะบนฟ้า เทวะในอากาศ เทวะบนผืนดิน

    พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระวรุณ (ฝน) พระอัคนี พระแม่ธรณี พระคงคา เหล่านี้คือเทพเจ้าของชาวทราวิฑ ผูกพันกับการเกษตรและการมีชีวิตรอด มักเปรียบเทียบธรรมชาติเป็นแม่ วิธีบูชาคือนอบน้อมกตัญญู

    ฝ่ายอารยันนับถือพระเทพบิดร คือ อินทรา (พระอินทร์) ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามผู้มีชัยต่อการปกป้องและช่วงชิงดินแดนจากศัตรู วิธีบูชาคือบวงสรวงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

    ฝ่ายหนึ่งคือ 'ผู้ให้' อีกฝ่ายคือ 'ผู้แย่งชิง' พอผสมกันก็จะเป็นความเชื่อที่ออกมาในรูป 'ศักติเทวะ' คือพลังชั้วบวกและขั้วลบ เป็นทวิภาวะที่แตกต่างกัน เหล่าทวยเทพจึงมีพระชายาอยู่เคียงข้างตั้งแต่นั้นมา

    นี่คือการผสานสองเทพจากสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกันโดยไม่ทิ้งเทพของชนพื้นเมืองเดิม

    ...

    พระอินทร์ผู้เคยมีฐานะเป็นเอกเทวะ (ใหญ่สุดผู้เดียว) กลับกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มไตรเทวะ อันประกอบด้วยพระอัคนี พระสุริยเทพ และพระอินทร์ ในเวลาต่อมาจึงถูกแทนที่ด้วย 'ตรีมูรติ' คือพระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ซึ่งเป็นเทพในคติทางพระเวทยุคใหม่ที่เราคุ้นเคยกัน

    ตรีมูรติ คือสัจธรรมทางพลังอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ประกอบด้วยผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย ซึ่งก็คือธรรมชาติแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    ฉะนี้แล

    ...

    สนุกมากครับ ขอแนะนำสำหรับคนที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับรากวัฒนธรรมบ้านเราที่สืบเนื่องมาจากอินเดีย และวัฒนธรรมพราหมณ์-พุทธ

    อ่านแล้วจะได้เห็นเรื่องราวรอบตัวในแง่มุมใหม่ (ซึ่งเป็นมุมดั้งเดิม) สิ่งที่เคยคิดว่างมงายไร้สาระกลับกลายเป็นสิ่งสอนใจหรือเตือนให้สังเกตใจตนเองได้อย่างดี

    อ่านเป็นหนังสือวิชาการก็ได้ เป็นหนังสือธรรมะก็ดี

    ไม่ว่าเทพหรือมาร สุดท้ายแล้วก็รบกันอยู่ในใจเรานี้แล

    #นิ้วกลมอ่าน
    #ว่างๆจะหยิบเล่มนี้มาเล่าอีกครับ

  • กุมภัณฑ์ 在 Art of Hongtae Facebook 的最佳解答

    2016-03-06 18:53:41
    有 33 人按讚

    กุมภัณฑ์

  • กุมภัณฑ์ 在 Bearry Channel Youtube 的精選貼文

    2016-06-26 03:48:17

    #BearryChannel #แบร์รี่เล่าเรื่องหลอน
    **รูปประกอบบางรูปไม่เกี่ยวของกับเนื้อหา เป็นเพียงการนำเสนอเพื่อให้ท่านผู้ชมจินตนาการตามได้อย่างชัดเจนขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม**

    กริม รีปเปอร์ คือบุคลาธิษฐานของความตาย (อังกฤษ: Personification of Death) หรือก็คือบุลคลสมมุติที่เปรียบเปรยขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของความตายที่ไม่มีตัวตน เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมมาตั้งแต่ยุคแรกของประวัติศาสตร์อังกฤษ กริม รีปเปอร์ จะมีลักษณะเป็นโครงกระดูกสวมเสื้อคลุมยาวแบบมีหมวกคลุมศีรษะสีดำถือเคียวด้ามยาวที่สามารถฟาดฟันคร่าวิญญานของผู้คนที่ถึงฆาตได้

    ที่มาของข้อมูล https://goo.gl/fT9htY
    http://goo.gl/xBb9nW
    http://goo.gl/mpBt9s
    http://goo.gl/sQRtEX
    https://goo.gl/4MLFQ0
    http://goo.gl/2Ob8im

    ดนตรีประกอบ BGM: Kevin MacLeod - Ice Demon
    ดนตรีปิดคลิป Outro Music: Alan Walker - Fade [NCS Release]

    ติดตามคลิปสนุกอีกมากมายที่ Bearry Family : https://goo.gl/qW5Tcn

    ติดตามข่าวสารของเราได้ที่ Facebook Page : https://goo.gl/MZ3rsb

    ติดตามคลิปน่าสนใจอื่นๆได้ที่ Bearry Channel https://goo.gl/HysOmh

你可能也想看看

搜尋相關網站