[爆卦]การให้เกียรติผู้อื่น是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇การให้เกียรติผู้อื่น鄉民發文沒有被收入到精華區:在การให้เกียรติผู้อื่น這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 การให้เกียรติผู้อื่น產品中有4篇Facebook貼文,粉絲數超過35萬的網紅สมองไหล,也在其Facebook貼文中提到, วันก่อนผมพูดถึงเรื่องการ “เก็บเงิน” ว่าถ้าไม่ใช่คนที่ยากจนข้นแค้น ถึงขนาดที่ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งค่าอาหารกับที่อยู่อาศัย ทุกคนก็สามารถประหยัดและเก็บ...

การให้เกียรติผู้อื่น 在 Instagram 的最讚貼文

2020-05-12 09:32:57

🎂 Happy birthday คุณพ่อ ปีที่ผ่านมาเราผ่านอะไรหนักๆกันมามากมาย ขอบคุณคุณพ่อ กำลังใจที่ดีที่สุดของน้อง ขอบคุณความเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ดี ในการแก...

  • การให้เกียรติผู้อื่น 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文

    2021-05-25 21:07:21
    有 7,750 人按讚

    วันก่อนผมพูดถึงเรื่องการ “เก็บเงิน” ว่าถ้าไม่ใช่คนที่ยากจนข้นแค้น ถึงขนาดที่ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งค่าอาหารกับที่อยู่อาศัย ทุกคนก็สามารถประหยัดและเก็บออมได้
    .
    พอพูดอย่างนี้ ข้ออ้างที่มักจะเจอก็คือ “รายได้น้อย”
    .
    แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุลึกๆ จริงๆ มันเกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตต่างหาก เพราะพอคนเราทำงานแล้วมี “เงิน” ก็เอาเงินไป “สร้างรูปแบบการใช้ชีวิต” ไปเอาเงินในอนาคตมาใช้ จนสุดท้ายรูปแบบการใช้ชีวิตที่เราสร้างขึ้นมาก็ทำให้เรากลายเป็นทาสที่ต้องกลับไปทำงานหาเงินมาแลกไม่จบไม่สิ้น
    .
    เพราะถ้าคนเราไม่ไปสร้างรูปแบบชีวิตที่มันเกินตัว แล้วใช้ชีวิตไม่ให้เกินกว่ารายได้ที่หามา มีเหรอจะไม่มีเงิน “เหลือเก็บ”
    .
    เหลือเก็บในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเหลือเก็บเยอะๆ เอาแค่วันละ 1 บาทก็ถือว่าเก็บได้แล้ว เพราะต่อให้เป็นเงินเล็กเงินน้อยมันก็คือเงินเก็บ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้
    .
    พอผมพูดแบบนี้ก็มีคนวิจารณ์ว่า ภาระคนเราไม่เท่ากัน ความจำเป็นไม่เท่ากัน ไหนจะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน อีก (แยกให้ออกระหว่างความจำเป็น กับ ความต้องการ) แทนที่จะโลกสวยบอกให้คนอย่าใช้เงินเกินที่หามา ทำไมไม่หาวิธีให้คนหา “รายได้เพิ่ม” ล่ะ
    .
    ซึ่งผมก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าติดตามผมจริงๆ ผมทำคอนเทนต์ ประเภทหารายได้เพิ่มเยอะมากๆ นะ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้”
    .
    พอเห็นอย่างนี้ผมก็โดนสวนขึ้นมาทันทีว่า “เป็นคนที่ทำคอนเทนต์ย้อนแย้ง”
    .
    คือ ใครจะว่าย้อนแย้งมันก็สิทธิ์ของเขา แต่สำหรับผมมันคือเรื่องนี้สอดคล้องกัน เพราะถ้าคุณหาเงินได้มากขึ้น แต่ควบคุมรายจ่ายไม่ได้มันจะมีประโยชน์อะไร ซึ่งส่วนใหญ่คนที่หาเงินได้เยอะๆ นั่นแหละ คือ คนที่ “เพิ่มรายจ่าย” ได้เก่งที่สุด เพราะสามารถกู้ขอสินเชื่อต่างๆ ง่ายกว่าคนอื่นๆ แล้วพอรายได้ที่หามาหายไป ด้วยวิกฤตก็ดี หรือ อายุที่มากขึ้นก็ดี แต่รายจ่ายเท่าเดิม สุดท้ายก็ไม่พ้นปัญหาทางการเงิน
    .
    ดังนั้น ผมบอกเลยว่า “ต่อให้หาเงินเก่ง แต่บริหารไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์”
    .
    ที่สำคัญ ถ้าวันนี้คุณยังจัดการเงินที่มีอยู่ไม่ได้ มีปัญหาสภาพคล่อง เงินไม่พอจ่าย คุณจะเอาพลังสมองที่ไหนไปคิดวิธีการหารายได้เพิ่ม
    .
    และเมื่อเราบริหารเงินไม่ได้ เราก็อยากจะหารายได้เร็วๆ แล้วคนที่อยู่ในภาวะร้อนเงิน อยากได้เงินเร็วๆ ผมบอกเลยว่าคนเหล่านี้จะไม่มีทางได้เงินเร็วๆ เพราะเขาจะใจร้อนจนไม่สามารถติดสินถูกผิดได้ สุดท้ายก็จะโดนหลอกเอาง่ายๆ
    .
    ฉะนั้น หากคุณอยากเป็นคนที่สามารถเพิ่มรายได้และทรัพย์สินได้อย่างยั่งยืน คุณจะเก่งแต่ “หาเงิน” อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย โดย จิม คิม ได้อธิบาย 4 องค์ประกอบสำคัญในการบริหารจัดการเงิน เอาไว้ในหนังสือ จงคบค้ากับความร่ำรวย ซึ่งประกอบด้วย
    .
    1) ความสามารถในการหาเงิน
    .
    แน่นอนสิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ ต้องสามารถหาเงินได้ เพราะถ้าหาเงินไม่ได้ก็คงไม่มีทางที่เงินในกระเป๋าจะเพิ่มขึ้น
    .
    ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นในสังคม ส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานหรือทำธุรกิจได้เก่งมาก มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลกว่าคนทั่วไป ขายเก่ง มองโลกในแง่ดี ไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ
    .
    ใครมีความสามารถในการหาเงินนับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากขาดความสามารถในมิติอื่น ก็อาจจะกลายเป็นหนี้และถูกหลอกลวงได้ เพราะถนัดแต่หาเงิน แต่จัดการเงินไม่เป็น แต่ละวันมีเงินไหลออกกระเป๋าไปเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะรู้ เผลอๆ ถูกลูกน้องหลอกเอาเงินโดยไม่รู้ตัวก็มี
    .
    สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะคนกลุ่มนี้มักคิดเอาเองว่า “ขอแค่หาเงินได้เท่ากับที่จ่ายไปก็คงพอแล้ว” จนเพิกเฉยต่อรายละเอียดต่างๆ ไม่ชอบอ่านและทำความเข้าใจกับงบการเงิน ไม่ศึกษาการลงทุน ซึ่งเป็นความเชื่อที่อันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าคนเราไม่สามารถทำงานหาเงินได้เต็มประสิทธิภาพตลอดชีวิต คุณต้องแก่ลงในอนาคต และมีโอกาสที่จะหารายได้น้อยลงด้วย อย่าคิดว่ายิ่งแก่ยิ่งหาเงินได้เยอะนะครับ
    .
    ถ้าใครหาเงินเก่งอย่างเดียว แต่บริหารไม่เป็น บอกเลยว่าไม่มีประโยชน์ เพราะต่อให้หาเงินได้มากแค่ไหน ก็รักษามันเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
    .
    2) ความสามารถในการเก็บเงิน
    .
    เป็นความสามารถที่แตกต่างจากการหาเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปนิสัยโดยตรง ผมจึงบอกเสมอว่า การออม ไม่ใช่เรื่องของ “จำนวนเงิน” แต่เป็นเรื่องของการ “สร้างนิสัย” ต่างหาก
    .
    คนที่หาเงินได้เยอะ แต่เก็บเงินไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเหนื่อยไปตักน้ำจากลำคลอง มาเทใส่โอ่งที่ก้นรั่ว พูดง่ายๆ ก็ คือ “เหนื่อยฟรี” นั่นเอง
    .
    หากคุณหาเงินเก่ง และ เก็บเงินได้ คุณจะรู้สึกว่าควบคุมชีวิตตัวเองได้ เมื่อรู้สึกว่าควบคุมชีวิต
    ตัวเองได้ ก็จะมีความ “มั่นใจ” มากขึ้น แล้วพอคนเรามีความมั่นใจ “วิสัยทัศน์” ก็จะกว้างไกลขึ้น คิดถึงอนาคตมากขึ้น ส่งผลให้คนเรามี “พลังสมอง” ไปเรียนรู้เพื่อ “สร้างรายได้” เพิ่มต่อไปได้
    .
    สิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีก็คือ ปรับสมดุลตัวเอง ให้มีทักษะในการจัดการค่าใช้จ่ายทุกระเบียบนิ้ว จัดการทุกอย่างให้เป็นระบบ ส่วนตัวผมจะใช้แอพพลิเคชั่นบันทึกรายรับ-รายวัน และ ทำงบการเงินรายเดือน เพื่อตรวจสอบว่าเงินไหลเข้าไหลออกอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการหมั่นศึกษาอัตราดอกเบี้ย การลงทุน และ ภาษี ด้วย
    .
    ซึ่งทักษะในการเก็บเงินนั้น ไม่ได้หมายความเพียงแค่ตัว “เงิน” เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ด้วย อะไรที่ซื้อมาก็จัดเก็บให้ดี วางให้เป็นระเบียบ เพราะสิ่งเหล่านี้คุณใช้เงินแลกมา การที่คุณทิ้งขว้างวางของไม่เป็นที่จนหาไม่เจอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทิ้งขว้างเงินของตัวเอง
    .
    ฉะนั้น หากคุณไม่ได้วางเงินไว้อย่างสะเปะสะปะฉันใด คุณก็ไม่ควรวางข้าวของเครื่องใช้สะเปะสะปะฉันนั้น เพราะทุกอย่างล้วนใช้เงินแลกมาทั้งสิ้น
    .
    3) ความสามารถในการรักษาเงิน
    .
    เก็บเงิน กับ รักษาเงิน อาจจะดูเหมือนกัน แต่เป็นคนละเรื่องกันนะครับ การเก็บเงินก็เหมือนการตักน้ำมาใส่โอ่ง (โดยไม่เอาออกมาใช้โดยไม่จำเป็น) แต่อย่าลืมว่าถ้าน้ำมันอยู่ในโอ่งเฉยๆ วันหนึ่งมันก็ระเหยออกไปอยู่ดี ก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็บเงินในบัญชี แล้วให้เวลาผ่านไปเฉยๆ จนเงินเฟ้อกัดกินให้ด้อยค่าลง
    .
    การ “รักษาเงิน” จึงเป็นเรื่องยากกว่าการ “หาเงิน” และ “เก็บเงิน” เพราะมันไม่ได้ใช้แค่ความขยันและวินัยอย่างเดียว แต่ต้องใช้ความรู้ในการลงทุน ซึ่งมันถือเป็นศาสตร์ จึงต้องอาศัยการศึกษาอย่างละเอียด ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก แต่บอกเลยว่า การไม่ทำอะไรเลย คือ การลงทุนที่เลวร้ายที่สุด
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น พอคุณเริ่มมีเงินมากขึ้น ทุกคนจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนคนรวย เมื่อคุณเริ่มมีชื่อเสียง คุณก็จะมีความหรูหราฟุ้งเฟ้อรออยู่ เราจะเริ่มแสวงหาบ้าน รถ อาหารหรู เพื่อน และ สินค้าแบรนด์เนม เรียกได้ว่าแค่ก้าวออกจากบ้านก็เสี่ยงจะเสียเงินแล้ว เพราะต้องหน้าใหญ่ไว้ก่อน แน่นอนบางครั้งเราอาจจะไม่อยากจ่ายเงิน แต่ความหน้าใหญ่คือสิ่งที่พรัดพรากเงินไปจากเรา ฉะนั้น จงระวังให้ดี
    .
    4) ความสามารถในการใช้เงิน
    .
    ใช้เงินเก่งไม่ได้หมายความว่าจะใช้เงินเยอะ เพราะความสามารถในการใช้เงินก็เหมือนความเก๋าเกม รู้ว่าควรใช้จ่ายเงินไปกับอะไร ผมพูดเสมอว่าการใช้เงินมี 2 แบบ คือ การบริโภคที่ใช้แล้วหมดไป กับ การลงทุนที่จ่ายแล้วได้ผลตอบแทนกลับมา ฉะนั้น ก่อนจะควักเงินออกจากกระเป๋า ให้คิดก่อนเสมอ ว่ามันคือ การบริโภค หรือ การลงทุน
    .
    นอกจากการใช้จ่ายแล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ต้องจ่ายให้ตรงกำหนด เพราะมันคือ เครดิต ความน่าเชื่อถือ และ การให้เกียรติผู้อื่น แม้กระทั่งเงินที่จะต้องส่งให้พ่อแม่ก็ควรกำหนดวันให้ชัดเจน
    .
    อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ การเคารพในเงินของผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ในชีวิตเราจะมีเพื่อนอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่ชอบขอลดราคาเวลาซื้อของจากร้านเพื่อน กับ คนที่รู้สึกว่ายิ่งเป็นเพื่อน ยิ่งต้องจ่ายเต็ม ต่อให้เพื่อนลดให้ก็ไม่เอา เพราะคิดว่าเป็นการสนับสนุนกัน
    .
    การอ้างสิทธิ์ความเป็นเพื่อนเพื่อขอลดราคา ไม่ใช่คนที่ใช้เงินเก่ง แต่คือคนที่ไม่รู้จักเคารพเงินของคนอื่นต่างหาก เพราะการที่เราขอลดราคา เท่ากับว่าเพื่อนจะได้เงินน้อยลง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราไปเอาเงินเขามา ฉะนั้น ใครที่เป็นแบบนี้ บอกเลยว่า อย่าหาทำ แล้วให้เลิกซะ
    .
    เพราะการที่คุณทำแบบนี้ คนที่เสียหายที่สุดก็คือตัวคุณเอง เพราะถ้าคุณไม่เคารพเงินของคนอื่น คนอื่นก็จะไม่เคารพเงินของคุณ ถ้าวันไหนคุณทำธุรกิจ ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนอยากจะมาสนับสนุนหรอก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความเก่ง ความขยัน วินัย หรือ ความรู้ แต่เป็นเรื่องของ “สามัญสำนึก”
    .
    ทั้ง 4 นี้ ทุกคนต้องพยายามเรียนรู้และเข้าใจว่า ความสามารถแต่ละชนิดนั้นต่างกัน หากพลาดข้อใดข้อหนึ่งไป ถึงแม้จะมีเงินมากมาย ก็ไม่อาจจะรักษามันให้อยู่กับเราอย่างยืนยาวได้ และ บอกเลยว่า การหาเงินได้มาก แต่เสียไปหมด มันทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าหาเงินได้น้อย แต่เหลือเก็บเสียอีก
    .
    ดังนั้น ผมขอให้ทุกคนเรียนรู้และฝึกฝนทั้ง 4 ข้อนี้ และขอให้คุณเป็นคนที่หาเงินได้มากๆ เก็บสะสมได้เยอะๆ รักษาไว้ได้ดี และ ใช้เงินเป็น นะครับ
    .
    .
    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่…
    - บริหารเงินไม่เป็น จนไม่มีเงินเก็บ
    - โดนคนอื่นเอาเปรียบเรื่องเงินเป็นประจำ
    - อยากลงทุน แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร
    .
    หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบ “จงคบค้ากับความร่ำรวย”
    .
    ราคา 325 บาท รวมส่ง
    .
    วิธีสั่งซื้อ
    ,
    1.กดลิงก์ https://m.me/432860907260347?ref=sale_PB4jwZmq
    .
    2.กด “สั่งซื้อ”
    .
    3.เลือกจำนวน และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”

  • การให้เกียรติผู้อื่น 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答

    2021-03-08 20:53:42
    有 7,558 人按讚

    วันก่อนผมพูดถึงเรื่องการ “เก็บเงิน” ว่าถ้าไม่ใช่คนที่ยากจนข้นแค้น ถึงขนาดที่ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งค่าอาหารกับที่อยู่อาศัย ทุกคนก็สามารถประหยัดและเก็บออมได้
    .
    พอพูดอย่างนี้ ข้ออ้างที่มักจะเจอก็คือ “รายได้น้อย”
    .
    แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุลึกๆ จริงๆ มันเกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตต่างหาก เพราะพอคนเราทำงานแล้วมี “เงิน” ก็เอาเงินไป “สร้างรูปแบบการใช้ชีวิต” ไปเอาเงินในอนาคตมาใช้ จนสุดท้ายรูปแบบการใช้ชีวิตที่เราสร้างขึ้นมาก็ทำให้เรากลายเป็นทาสที่ต้องกลับไปทำงานหาเงินมาแลกไม่จบไม่สิ้น
    .
    เพราะถ้าคนเราไม่ไปสร้างรูปแบบชีวิตที่มันเกินตัว แล้วใช้ชีวิตไม่ให้เกินกว่ารายได้ที่หามา มีเหรอจะไม่มีเงิน “เหลือเก็บ”
    .
    เหลือเก็บในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเหลือเก็บเยอะๆ เอาแค่วันละ 1 บาทก็ถือว่าเก็บได้แล้ว เพราะต่อให้เป็นเงินเล็กเงินน้อยมันก็คือเงินเก็บ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้
    .
    พอผมพูดแบบนี้ก็มีคนวิจารณ์ว่า ภาระคนเราไม่เท่ากัน ความจำเป็นไม่เท่ากัน ไหนจะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน อีก (แยกให้ออกระหว่างความจำเป็น กับ ความต้องการ) แทนที่จะโลกสวยบอกให้คนอย่าใช้เงินเกินที่หามา ทำไมไม่หาวิธีให้คนหา “รายได้เพิ่ม” ล่ะ
    .
    ซึ่งผมก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าติดตามผมจริงๆ ผมทำคอนเทนต์ ประเภทหารายได้เพิ่มเยอะมากๆ นะ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้”
    .
    พอเห็นอย่างนี้ผมก็โดนสวนขึ้นมาทันทีว่า “เป็นคนที่ทำคอนเทนต์ย้อนแย้ง”
    .
    คือ ใครจะว่าย้อนแย้งมันก็สิทธิ์ของเขา แต่สำหรับผมมันคือเรื่องนี้สอดคล้องกัน เพราะถ้าคุณหาเงินได้มากขึ้น แต่ควบคุมรายจ่ายไม่ได้มันจะมีประโยชน์อะไร ซึ่งส่วนใหญ่คนที่หาเงินได้เยอะๆ นั่นแหละ คือ คนที่ “เพิ่มรายจ่าย” ได้เก่งที่สุด เพราะสามารถกู้ขอสินเชื่อต่างๆ ง่ายกว่าคนอื่นๆ แล้วพอรายได้ที่หามาหายไป ด้วยวิกฤตก็ดี หรือ อายุที่มากขึ้นก็ดี แต่รายจ่ายเท่าเดิม สุดท้ายก็ไม่พ้นปัญหาทางการเงิน
    .
    ดังนั้น ผมบอกเลยว่า “ต่อให้หาเงินเก่ง แต่บริหารไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์”
    .
    ที่สำคัญ ถ้าวันนี้คุณยังจัดการเงินที่มีอยู่ไม่ได้ มีปัญหาสภาพคล่อง เงินไม่พอจ่าย คุณจะเอาพลังสมองที่ไหนไปคิดวิธีการหารายได้เพิ่ม
    .
    และเมื่อเราบริหารเงินไม่ได้ เราก็อยากจะหารายได้เร็วๆ แล้วคนที่อยู่ในภาวะร้อนเงิน อยากได้เงินเร็วๆ ผมบอกเลยว่าคนเหล่านี้จะไม่มีทางได้เงินเร็วๆ เพราะเขาจะใจร้อนจนไม่สามารถติดสินถูกผิดได้ สุดท้ายก็จะโดนหลอกเอาง่ายๆ
    .
    ฉะนั้น หากคุณอยากเป็นคนที่สามารถเพิ่มรายได้และทรัพย์สินได้อย่างยั่งยืน คุณจะเก่งแต่ “หาเงิน” อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย โดย จิม คิม ได้อธิบาย 4 องค์ประกอบสำคัญในการบริหารจัดการเงิน เอาไว้ในหนังสือ จงคบค้ากับความร่ำรวย ซึ่งประกอบด้วย
    .
    1) ความสามารถในการหาเงิน
    .
    แน่นอนสิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ ต้องสามารถหาเงินได้ เพราะถ้าหาเงินไม่ได้ก็คงไม่มีทางที่เงินในกระเป๋าจะเพิ่มขึ้น
    .
    ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นในสังคม ส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานหรือทำธุรกิจได้เก่งมาก มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลกว่าคนทั่วไป ขายเก่ง มองโลกในแง่ดี ไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ
    .
    ใครมีความสามารถในการหาเงินนับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากขาดความสามารถในมิติอื่น ก็อาจจะกลายเป็นหนี้และถูกหลอกลวงได้ เพราะถนัดแต่หาเงิน แต่จัดการเงินไม่เป็น แต่ละวันมีเงินไหลออกกระเป๋าไปเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะรู้ เผลอๆ ถูกลูกน้องหลอกเอาเงินโดยไม่รู้ตัวก็มี
    .
    สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะคนกลุ่มนี้มักคิดเอาเองว่า “ขอแค่หาเงินได้เท่ากับที่จ่ายไปก็คงพอแล้ว” จนเพิกเฉยต่อรายละเอียดต่างๆ ไม่ชอบอ่านและทำความเข้าใจกับงบการเงิน ไม่ศึกษาการลงทุน ซึ่งเป็นความเชื่อที่อันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าคนเราไม่สามารถทำงานหาเงินได้เต็มประสิทธิภาพตลอดชีวิต คุณต้องแก่ลงในอนาคต และมีโอกาสที่จะหารายได้น้อยลงด้วย อย่าคิดว่ายิ่งแก่ยิ่งหาเงินได้เยอะนะครับ
    .
    ถ้าใครหาเงินเก่งอย่างเดียว แต่บริหารไม่เป็น บอกเลยว่าไม่มีประโยชน์ เพราะต่อให้หาเงินได้มากแค่ไหน ก็รักษามันเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
    .
    2) ความสามารถในการเก็บเงิน
    .
    เป็นความสามารถที่แตกต่างจากการหาเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปนิสัยโดยตรง ผมจึงบอกเสมอว่า การออม ไม่ใช่เรื่องของ “จำนวนเงิน” แต่เป็นเรื่องของการ “สร้างนิสัย” ต่างหาก
    .
    คนที่หาเงินได้เยอะ แต่เก็บเงินไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเหนื่อยไปตักน้ำจากลำคลอง มาเทใส่โอ่งที่ก้นรั่ว พูดง่ายๆ ก็ คือ “เหนื่อยฟรี” นั่นเอง
    .
    หากคุณหาเงินเก่ง และ เก็บเงินได้ คุณจะรู้สึกว่าควบคุมชีวิตตัวเองได้ เมื่อรู้สึกว่าควบคุมชีวิต
    ตัวเองได้ ก็จะมีความ “มั่นใจ” มากขึ้น แล้วพอคนเรามีความมั่นใจ “วิสัยทัศน์” ก็จะกว้างไกลขึ้น คิดถึงอนาคตมากขึ้น ส่งผลให้คนเรามี “พลังสมอง” ไปเรียนรู้เพื่อ “สร้างรายได้” เพิ่มต่อไปได้
    .
    สิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีก็คือ ปรับสมดุลตัวเอง ให้มีทักษะในการจัดการค่าใช้จ่ายทุกระเบียบนิ้ว จัดการทุกอย่างให้เป็นระบบ ส่วนตัวผมจะใช้แอพพลิเคชั่นบันทึกรายรับ-รายวัน และ ทำงบการเงินรายเดือน เพื่อตรวจสอบว่าเงินไหลเข้าไหลออกอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการหมั่นศึกษาอัตราดอกเบี้ย การลงทุน และ ภาษี ด้วย
    .
    ซึ่งทักษะในการเก็บเงินนั้น ไม่ได้หมายความเพียงแค่ตัว “เงิน” เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ด้วย อะไรที่ซื้อมาก็จัดเก็บให้ดี วางให้เป็นระเบียบ เพราะสิ่งเหล่านี้คุณใช้เงินแลกมา การที่คุณทิ้งขว้างวางของไม่เป็นที่จนหาไม่เจอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทิ้งขว้างเงินของตัวเอง
    .
    ฉะนั้น หากคุณไม่ได้วางเงินไว้อย่างสะเปะสะปะฉันใด คุณก็ไม่ควรวางข้าวของเครื่องใช้สะเปะสะปะฉันนั้น เพราะทุกอย่างล้วนใช้เงินแลกมาทั้งสิ้น
    .
    3) ความสามารถในการรักษาเงิน
    .
    เก็บเงิน กับ รักษาเงิน อาจจะดูเหมือนกัน แต่เป็นคนละเรื่องกันนะครับ การเก็บเงินก็เหมือนการตักน้ำมาใส่โอ่ง (โดยไม่เอาออกมาใช้โดยไม่จำเป็น) แต่อย่าลืมว่าถ้าน้ำมันอยู่ในโอ่งเฉยๆ วันหนึ่งมันก็ระเหยออกไปอยู่ดี ก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็บเงินในบัญชี แล้วให้เวลาผ่านไปเฉยๆ จนเงินเฟ้อกัดกินให้ด้อยค่าลง
    .
    การ “รักษาเงิน” จึงเป็นเรื่องยากกว่าการ “หาเงิน” และ “เก็บเงิน” เพราะมันไม่ได้ใช้แค่ความขยันและวินัยอย่างเดียว แต่ต้องใช้ความรู้ในการลงทุน ซึ่งมันถือเป็นศาสตร์ จึงต้องอาศัยการศึกษาอย่างละเอียด ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก แต่บอกเลยว่า การไม่ทำอะไรเลย คือ การลงทุนที่เลวร้ายที่สุด
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น พอคุณเริ่มมีเงินมากขึ้น ทุกคนจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนคนรวย เมื่อคุณเริ่มมีชื่อเสียง คุณก็จะมีความหรูหราฟุ้งเฟ้อรออยู่ เราจะเริ่มแสวงหาบ้าน รถ อาหารหรู เพื่อน และ สินค้าแบรนด์เนม เรียกได้ว่าแค่ก้าวออกจากบ้านก็เสี่ยงจะเสียเงินแล้ว เพราะต้องหน้าใหญ่ไว้ก่อน แน่นอนบางครั้งเราอาจจะไม่อยากจ่ายเงิน แต่ความหน้าใหญ่คือสิ่งที่พรัดพรากเงินไปจากเรา ฉะนั้น จงระวังให้ดี
    .
    4) ความสามารถในการใช้เงิน
    .
    ใช้เงินเก่งไม่ได้หมายความว่าจะใช้เงินเยอะ เพราะความสามารถในการใช้เงินก็เหมือนความเก๋าเกม รู้ว่าควรใช้จ่ายเงินไปกับอะไร ผมพูดเสมอว่าการใช้เงินมี 2 แบบ คือ การบริโภคที่ใช้แล้วหมดไป กับ การลงทุนที่จ่ายแล้วได้ผลตอบแทนกลับมา ฉะนั้น ก่อนจะควักเงินออกจากกระเป๋า ให้คิดก่อนเสมอ ว่ามันคือ การบริโภค หรือ การลงทุน
    .
    นอกจากการใช้จ่ายแล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ต้องจ่ายให้ตรงกำหนด เพราะมันคือ เครดิต ความน่าเชื่อถือ และ การให้เกียรติผู้อื่น แม้กระทั่งเงินที่จะต้องส่งให้พ่อแม่ก็ควรกำหนดวันให้ชัดเจน
    .
    อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ การเคารพในเงินของผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ในชีวิตเราจะมีเพื่อนอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่ชอบขอลดราคาเวลาซื้อของจากร้านเพื่อน กับ คนที่รู้สึกว่ายิ่งเป็นเพื่อน ยิ่งต้องจ่ายเต็ม ต่อให้เพื่อนลดให้ก็ไม่เอา เพราะคิดว่าเป็นการสนับสนุนกัน
    .
    การอ้างสิทธิ์ความเป็นเพื่อนเพื่อขอลดราคา ไม่ใช่คนที่ใช้เงินเก่ง แต่คือคนที่ไม่รู้จักเคารพเงินของคนอื่นต่างหาก เพราะการที่เราขอลดราคา เท่ากับว่าเพื่อนจะได้เงินน้อยลง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราไปเอาเงินเขามา ฉะนั้น ใครที่เป็นแบบนี้ บอกเลยว่า อย่าหาทำ แล้วให้เลิกซะ
    .
    เพราะการที่คุณทำแบบนี้ คนที่เสียหายที่สุดก็คือตัวคุณเอง เพราะถ้าคุณไม่เคารพเงินของคนอื่น คนอื่นก็จะไม่เคารพเงินของคุณ ถ้าวันไหนคุณทำธุรกิจ ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนอยากจะมาสนับสนุนหรอก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความเก่ง ความขยัน วินัย หรือ ความรู้ แต่เป็นเรื่องของ “สามัญสำนึก”
    .
    ทั้ง 4 นี้ ทุกคนต้องพยายามเรียนรู้และเข้าใจว่า ความสามารถแต่ละชนิดนั้นต่างกัน หากพลาดข้อใดข้อหนึ่งไป ถึงแม้จะมีเงินมากมาย ก็ไม่อาจจะรักษามันให้อยู่กับเราอย่างยืนยาวได้ และ บอกเลยว่า การหาเงินได้มาก แต่เสียไปหมด มันทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าหาเงินได้น้อย แต่เหลือเก็บเสียอีก
    .
    ดังนั้น ผมขอให้ทุกคนเรียนรู้และฝึกฝนทั้ง 4 ข้อนี้ และขอให้คุณเป็นคนที่หาเงินได้มากๆ เก็บสะสมได้เยอะๆ รักษาไว้ได้ดี และ ใช้เงินเป็น นะครับ
    .
    .
    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่…
    - บริหารเงินไม่เป็น จนไม่มีเงินเก็บ
    - โดนคนอื่นเอาเปรียบเรื่องเงินเป็นประจำ
    - อยากลงทุน แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร
    .
    หนังสือเล่มนี้ มีคำตอบ “จงคบค้ากับความร่ำรวย”
    .
    ราคา 325 บาท รวมส่ง
    .
    สั่งซื้อได้ง่ายๆ ทาง Inbox เพจ สมองไหล

  • การให้เกียรติผู้อื่น 在 Facebook 的精選貼文

    2020-12-12 11:20:59
    有 10,000 人按讚

    “การให้เกียรติผู้อื่น ก็เหมือนให้เกียรติตัวเองด้วย” นักดนตรีที่ดี...เก่งได้ แต่อย่ากร่างนะ😊❤️✨

你可能也想看看

搜尋相關網站