[爆卦]การขนส่ง ภาษาจีน是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇การขนส่ง ภาษาจีน鄉民發文沒有被收入到精華區:在การขนส่ง ภาษาจีน這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 การขนส่ง產品中有49篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse ทำไมเงินถึงไหลเข้ากองทุน ESG ถึง 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ? Clubhouse BBLAM x ลงทุนแมน ถ้าพูดถึง Theme การลงทุนพล...

 同時也有21部Youtube影片,追蹤數超過56萬的網紅PHOLFOODMAFIA,也在其Youtube影片中提到,GoodDiet https://www.pholfoodmafia.com ในช่วงของการกักตัวก็มีหลายๆคนลุกขึ้นมาทำอาหาร และได้ตกใจกับของในตู้กับข้าวเมื่อเจอคำว่าหมดอายุและควรบริโภคก่อน ...

การขนส่ง 在 Poomjai Tangsanga Instagram 的最佳解答

2021-07-26 15:12:44

ตอนแรกที่คิดจะทำกล่องยังชีพแบบเอาชีวิตรอดได้ 1 เดือนเต็มๆ ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะยากอะไร แต่พอลงมือทำจิงๆก็งานช้างระดับนึงเลย รายละเอียดในการบริหารจัดการเ...

การขนส่ง 在 Natapat Wipataradachtragoon Instagram 的最佳解答

2020-06-15 14:00:21

“หมูปุยโฮมเมด” วันนี้จะลงข้อความบางอย่างไว้เป็นเรื่องราวหนึ่งในชีวิต ไม่คาดคิดว่าวันนึงจะมีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้ จากคนชอบกิน มาทำ และได้มาขายของในแบรนด์...

การขนส่ง 在 Paweena Phanthumek Instagram 的最佳解答

2020-04-21 15:11:47

#แก้งค์ขนมเปี๊ยะ🥮 เป็นการขายขนมครั้งแรกที่โครตเหนื่อยมาก ขายดีโครตๆ ขายดีจนอยากร้องไห้ 😩😂 อย่าอยู่เฉยรอแต่โอกาส เราเห็นโอกาส ต้องรีบคว้า 🤩 ไม่คิดว่าจ...

  • การขนส่ง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文

    2021-09-27 18:00:25
    有 4,328 人按讚

    สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse
    ทำไมเงินถึงไหลเข้ากองทุน ESG ถึง 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ?
    Clubhouse BBLAM x ลงทุนแมน

    ถ้าพูดถึง Theme การลงทุนพลังงานสะอาด หลายคนก็มักจะติดภาพความน่าเบื่อ และไม่ตื่นเต้น
    แต่หลังจากที่ ลงทุนแมน ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์คือ คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง ในวันพุธที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา

    ก็พบว่า Theme พลังงานสะอาด ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิด นอกจากนั้นยังเป็น Theme ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ของโลก และยังเกี่ยวโยงกับหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในอนาคต อีกด้วย

    ความน่าสนใจของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
    ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟังง่าย ๆ 9 ข้อ..

    1. ทำไมกระแส ESG จึงกลายเป็นที่พูดถึงในตอนนี้ ?

    พลังงานสะอาดคือ เทรนด์การลงทุนที่สำคัญมากในอนาคต และไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น
    สังเกตได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ESG ทั่วโลกแตะ 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ อ่านว่า “1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” เป็นครั้งแรก

    ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในยุโรป และการลงทุนใน ESG ยังให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย จึงเป็นหลักของการลงทุนที่เรียกว่า Green and Great Return

    ถ้าเราลองมาดูผลตอบแทนของ กองทุน Pictet Global Environmental กองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกองทุนหนึ่งที่ B-SIP เข้าไปลงทุน ก็ให้ผลตอบแทนดีในหลายไตรมาส

    และหากลงทุนตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในปี 2014 ก็จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 14.92% ถือว่าทำได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนในดัชนีโลกที่มีทั้ง ESG และไม่มี ESG ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 10%

    สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การลงทุนกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
    ก็เป็นเพราะว่าบริษัทที่ยึดหลัก ESG จะมีคุณภาพทั้งด้านรายได้ กำไร และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น ดีกว่า บริษัททั่ว ๆ ไป

    ทำให้สามารถกำหนดราคาสูงขึ้นได้ ดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้ง่าย รวมทั้งยังมีโอกาสด้านต้นทุนการกู้ยืมที่ถูกกว่า เสียดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และธนาคารปล่อยสินเชื่อง่ายกว่าอีกด้วย

    2. ทำไม พลังงานสะอาด จะเป็นการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ของโลก ?

    สิ่งที่ทำให้ กองทุนบัวหลวงมองว่า พลังงานสะอาดจะไม่ใช่เทรนด์ระยะสั้น
    ก็คือการสังเกตคลื่นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาแล้ว 5 คลื่นด้วยกัน นั่นคือ
    - คลื่นที่ 1 คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม
    - คลื่นที่ 2 คือ การเริ่มใช้พลังงานไอน้ำ
    - คลื่นที่ 3 คือ การใช้รถยนต์แทนม้า
    - คลื่นที่ 4 คือ การเดินทางโดยเครื่องบิน
    - คลื่นที่ 5 คือ โลกออนไลน์ เช่น Microsoft, Facebook, Amazon, Netflix

    สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่กินระยะเวลายาวนานหลายสิบปี และนำมาซึ่งกิจการขนาดใหญ่ที่มีความมั่งคั่งมากขึ้น

    แต่ในโลกอีก 25 ปีข้างหน้า สิ่งที่จะกลายเป็นประเด็นสำคัญ และทั่วทั้งโลกกำลังเผชิญเหมือนกันอยู่ก็คือ “ภาวะโลกร้อน”

    เพราะฉะนั้น คลื่นที่ 6 ก็คือ “เทคโนโลยีพลังงานสะอาด” ซึ่งจะเป็นหนึ่งเทรนด์ต่อจากนี้ไปอีก 25 ปี พร้อม ๆ กับ Robotics, Drones, AI, IoT สิ่งนี้เองที่จะเป็นแนวทางให้เราได้ว่า โลกในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางไหน แล้วเราควรจะลงทุนอะไรต่อไป

    3. สัญญาณสำคัญที่ชี้ว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงต้น คลื่นที่ 6 พลังงานสะอาด คืออะไร ?

    กองทุนบัวหลวงมองว่า Megatrends จะต้องมี 3 องค์ประกอบ คือ
    1. ความร่วมมือระดับโลก
    2. การเห็นด้วยจากรัฐบาล
    3. ความร่วมมือภาคเอกชน

    เมื่อครบทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ เงินลงทุนก็จะหลั่งไหลมายังเทรนด์นั้น ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งเทรนด์ ESG ตอนนี้มีครบทั้ง 3 องค์ประกอบเรียบร้อยแล้ว

    เริ่มต้นด้วยความร่วมมือระดับโลกคือ ข้อตกลง Paris Agreement จาก UN
    ที่ต้องการให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน

    ต่อมาคือ การขานรับนโยบาย จากรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจ

    เราได้เห็นประเทศต่าง ๆ ในยุโรปมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น
    - European Green Deal เพื่อที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2050
    - European Climate Law กฎหมายที่พูดถึงการลดการปล่อยมลพิษลงอย่างน้อย 55% ภายในปี 2030

    นอกจากนี้มหาอำนาจอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ก็ได้จัดตั้งแผนงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อม เช่น
    - แผนที่ 1 วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตรถยนต์ EV และแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
    - แผนที่ 2 วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียว ซึ่งภายในปี 2035 สหรัฐอเมริกาตั้งเป้าจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 40% ของพลังงานทั้งหมด

    ขณะเดียวกัน มหาอำนาจซีกโลกตะวันออกอย่าง “จีน” ที่แม้จะยังคงใช้พลังงานถ่านหินเป็นหลัก แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2035 เป็นต้นไป

    โดยล่าสุดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม ไว้ในแผนการพัฒนาประเทศฉบับที่ 14 ซึ่งจะลดการปล่อยคาร์บอนต่อสัดส่วนของ GDP ลง 65% และจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน 25% ภายในปี 2030 อีกด้วย

    หรือประเด็นรถยนต์ไฟฟ้า แม้ในปี 2020 ยุโรปขายรถยนต์ EV ไปแล้ว 1.3 ล้านคน ขณะที่จีนขายรถยนต์ EV ไปแล้ว 1.2 ล้านคัน แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถแซงหน้าและกินส่วนแบ่ง 20% จากตลาดรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2025 ได้ไม่ยากเลย

    4. แล้วภาครัฐและภาคเอกชน เชื่อมั่นใน Megatrends เรื่องพลังงานสะอาด แค่ไหน ?

    ผลสำรวจของ UBS หรือธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์
    ที่ได้สอบถามองค์กรต่าง ๆ ว่าอยากลงทุนใน Theme อะไรเป็นอันดับหนึ่ง
    ปรากฏว่า 2 ใน 3 ตอบว่า จะลงทุนในพลังงานสะอาด เพราะเป็นปัญหาที่โลกเราต้องแก้ไข และยังให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย

    ซึ่งหากลงทุนในด้านพลังงานทดแทนเป็นระยะเวลา 5 ปี เมื่อเทียบกับการลงทุนในพลังงานแบบเก่า
    จะเห็นว่า ผลตอบแทนแตกต่างกันค่อนข้างมาก จุดนี้เองที่บอกว่ามันคือ Green and Great Return

    นอกจากนี้กองทุนใหญ่ ๆ ก็ประกาศเข้ามาลงทุนในเรื่องพลังงานสะอาดเช่นกัน

    เช่น Cathie Wood ผู้จัดการกองทุน ETF ARK
    ประกาศว่าจะทำกองทุน ETF ใหม่ ที่ใช้ ESG Score ทั้งสามด้าน
    คือ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
    โดยจะไม่ลงทุนในบริษัทที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือไม่ส่งผลดีต่อสังคม

    ขณะเดียวกัน กองทุนมหาวิทยาลัย Harvard ที่มีขนาด 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ประกาศหยุดการลงทุนในบริษัทที่ผลิตพลังงานฟอสซิลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    รวมทั้งบริษัทผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Saudi Aramco ก็ประกาศลงทุนในพลังงานสะอาด
    โดยลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบีย

    นอกจากนี้ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ยังวางเป้าหมายประเทศว่าจะใช้พลังงานสะอาดให้ได้ 50% ภายในปี 2030 และจะไม่ได้ลงทุนแค่พลังงานลมและแสงอาทิตย์ แต่ยังลงทุนในพลังงานไฮโดรเจน อีกด้วย

    5. แล้วอะไรคือ ความเสี่ยงของเทรนด์ ESG และพลังงานสะอาด ?

    ความเสี่ยงของ ESG พลังงานสะอาดอย่างแรกคือ กองทุนที่เสนอขายเป็น ESG จริงหรือไม่ แล้วมีมาตรฐานขอบเขตการลงทุนด้านพลังงานสะอาดที่ชัดเจนจริง ๆ หรือไม่

    ความเสี่ยงที่สองคือ ต้องระวังว่าบริษัทที่เกี่ยวกับพลังงานสีเขียวนี้ มีราคาแพงไปแล้วหรือยัง มีฟองสบู่ที่เรียกว่า Green Bubble จากเม็ดเงินที่เข้าไปลงทุน 1.65 แสนล้านในปี 2019 และอีกกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อยู่หรือไม่

    ดังนั้น วิธีการลงทุนที่สำคัญ คือ การเลือกกองทุนที่ใส่ใจเรื่อง Valuation และใช้เรื่องมูลค่ามาเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญในการลงทุน

    6. แล้วเราควรเลือกลงทุนใน ธุรกิจพลังงานสะอาด อย่างไร ?

    เราลองมาดูตัวอย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง การทำการเกษตร ว่าจะสามารถ Green and Great Return ไปพร้อมกับการให้ผลตอบแทนที่ดีได้จริงหรือไม่

    เริ่มต้นที่ Orsted บริษัทพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเดนมาร์ก เดิมทีเคยเป็นบริษัทพลังงานถ่านหินเก่าแก่มาตั้งแต่ปี 1972 โดย 85% ของการผลิตไฟฟ้ามาจากฟอสซิล

    จากนั้นในปี 2008 ก็พลิกธุรกิจครั้งใหญ่มาสู่เส้นทางพลังงานสะอาด โดย 85% ของการผลิตไฟฟ้ามาจากพลังงานสีเขียว และเดินทางสู่การเป็นบริษัทพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้สำเร็จ

    ซึ่งรู้หรือไม่ว่า กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF บริษัทพลังงานของไทย ก็ได้ร่วมลงทุนใน Orsted เช่นกัน เพราะมองเห็นนวัตกรรมของพลังงานลมที่ดีที่สุดในโลกของ Orsted โดย 1/3 ของพลังงานลมของโลก มาจากบริษัทนี้

    ที่น่าสนใจก็คือ ราคาของพลังงานลม ถูกกว่า ราคาพลังงานของถ่านหินไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2018 และยังคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 พลังงานลมและแสงอาทิตย์จะเป็นแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุดในโลก

    ในแง่ของ Green and Great Return อย่าง Orsted เริ่มเข้าตลาดปี 2016 ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 96% ต่อปี
    ขณะเดียวกันยังมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี และจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอย่างน้อยถึงปี 2050 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังมีโอกาสขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อีกมาก เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น

    7. ธุรกิจพลังงานสะอาดที่ไม่พูดไม่ได้ในตอนนี้ ก็คือ EV ?

    เราทราบดีอยู่แล้วว่า หนทางลดปัญหามลภาวะจากการใช้รถยนต์ก็คือ การหันมาใช้รถยนต์ EV หรือรถไฟฟ้า แต่สงสัยไหมว่า ทำไมเทรนด์นี้จึงกลายเป็นโอกาสลงทุนมหาศาลในอนาคต

    จากข้อมูลคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ EV จะเพิ่มขึ้น 18 เท่าในอีกสิบปีข้างหน้า แสดงว่าอาจเพิ่มขึ้นสองเท่าทุก ๆ ปี ซึ่งในอนาคตรถยนต์ทั่วโลกจะกลายเป็นรถยนต์ EV อย่างน้อย 80%

    เหตุผลก็เพราะว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลงเรื่อย ๆ สังเกตได้จาก ลิเทียมไอออนแบตเตอรี่ ที่มีราคาถูกลง 88% เมื่อเทียบกับสิบปีก่อน หากราคายังคงลดลงเรื่อย ๆ ก็เชื่อว่า ราคารถยนต์ EV และรถยนต์สันดาป จะมีระดับราคาใกล้เคียงกัน

    นอกจากนี้ นโยบายของประเทศแถบยุโรปยังให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปแล้วจริง ๆ เช่น สวีเดน ประกาศยกเลิกในปี 2025 หรืออังกฤษ ก็ประกาศยกเลิกในปี 2035

    พอเป็นแบบนี้ แบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ จึงต้องปรับตัวกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เก่าแก่อย่าง Honda, Toyota หรือแบรนด์ใหม่อย่าง Tesla, BYD, XPeng แม้กระทั่งค่ายเก๋าอย่าง Harley-Davidson, Porsche ก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน

    ที่น่าสนใจก็คือ การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์รอบนี้ ทิศทางเงินลงทุนไม่ใช่แค่ส่วนของรถยนต์ EV เพียงอย่างเดียว แต่จะไปถึง Supply Chain ต่าง ๆ ทั้งหมด เช่น
    - บริษัทผลิตแบตเตอรี่
    - บริษัทชิป Semiconductor
    - บริษัท Software ที่ทำ ADAS (รถยนต์ไร้คนขับ Autonomous Driving) และบริษัท Simulation ทำการจำลองการขับรถ

    ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างธุรกิจรถยนต์ EV ที่กองทุน B-SIP เข้าไปลงทุนกันบ้าง

    XPeng อ่านว่า เสี่ยวเผิง เป็นบริษัทรถยนต์ EV เน้นตลาดระดับกลางเเละระดับสูงในจีน ที่เรียกได้ว่าท้าชนกับ Tesla ได้เลย เช่น รถยนต์ EV รุ่น XPeng P7 ที่มีราคาเปิดตัวล้านกว่าบาท ชาร์จหนึ่งครั้งจะวิ่งได้ 700 กิโลเมตร โครงสร้างต่าง ๆ มาจากการออกแบบของวิศวกรที่มาจาก Apple, Tesla

    XPeng ยังใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง 5G, AI ซึ่งตอนนี้ก็มีเทคโนโลยี Autonomous Driving เรียบร้อยแล้ว และยังใช้แบตเตอรี่ของ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่จีนที่ใหญ่ที่สุด ที่เพียงใช้เวลา 30 นาที ก็สามารถชาร์จได้ 80% อีกด้วย

    ด้วยเหตุนี้ กองทุน B-SIP จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปลงทุน IPO ปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจพลังงานสะอาดที่มี Green and Great Return เลยทีเดียว

    8. นอกจาก พลังงานลม และรถยนต์ EV ยังมีธุรกิจไหนจะเป็นเทรนด์อนาคตได้อีกบ้าง ?

    เริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว อย่างอาหารที่เรียกว่า “Beyond Meat” ซึ่งเป็นธุรกิจผู้ผลิตอาหารคล้ายเนื้อที่ไม่ได้มาจากเนื้อจริง ๆ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องปัญหาดิน ปัญหาน้ำ และปัญหามลพิษ

    โดยในปี 2050 คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก 2.8 พันล้านคน และจะตามมาด้วยปริมาณอาหารที่ต้องการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

    หากเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จำเป็นต้องใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์และปัจจัยต่าง ๆ มากกว่าการปลูกพืชอย่างมาก เช่น การเลี้ยงวัว จะใช้ที่ดินมากกว่า 18 เท่า รวมทั้งใช้น้ำและพลังงานมากกว่า 10 เท่า และยังจะปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน ออกมาจากร่างกายอีกด้วย

    จึงไม่แปลกใจเลยว่า สัดส่วน 79% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรมาจาก “การเลี้ยงสัตว์”

    ปัจจุบัน Beyond Meat กำลังขยายฐานลูกค้าได้ดี สังเกตได้จากแบรนด์อาหารต่าง ๆ ที่หันมานำเสนอผลิตภัณฑ์จาก Beyond Meat มากขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา

    เช่น แมคโดนัลด์, เอแอนด์ดับบลิว, Dunkin'
    และยังกระจายไปตามร้านสะดวกซื้อ ที่เราสามารถซื้อกลับไปปรุงอาหารที่บ้านได้เองอีกด้วย

    Beyond Meat กลายเป็นบริษัทที่น่าจับตามอง และเข้า IPO ในปี 2019 ที่มีมูลค่าบริษัท 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาในปีนี้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมาเป็น 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่ากว่า ๆ ภายในสองปี นอกจากนี้ยังมีรายได้ปี 2020 เติบโต 36% อีกด้วย

    นอกจากธุรกิจอาหารแล้ว ก็ยังธุรกิจอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น

    - Schneider Electric เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ลิฟต์ ที่มีการคำนวณการใช้งานแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งในอนาคตหากอาคารไหนเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ก็จะสามารถเรียกค่าเช่าสูงขึ้นได้

    - Equinix เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก เป็นศูนย์จัดเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถหยุดทำงานได้ ต้องใช้ไฟตลอดทั้งวันทั้งคืน ปัจจุบันบริษัทสามารถใช้พลังงานหมุนเวียน 92% ของพลังงานทั้งหมด

    - Ansys เป็นบริษัทจำลองผล จำลองสถานการณ์สำหรับรถยนต์, เครื่องบิน และอื่น ๆ เพื่อช่วยลดปริมาณการสูญเสียทรัพยากรในช่วงของการทดสอบ

    เช่น Dyson แบรนด์เครื่องเป่าผมของผู้หญิง ทำให้แห้งเร็วขึ้นและดีขึ้น
    Ansys เข้ามาช่วยคำนวณทิศทางลม, ลมแรง และค้นหาประสิทธิภาพที่ดีที่สุด โดยใช้ซอฟต์แวร์จำลองผลการทดสอบ ช่วยประหยัดทรัพยากร และประหยัดต้นทุนไปได้อย่างมาก

    สรุปแล้ว แค่ Theme พลังงานสะอาดอย่างเดียว ก็ทำให้เราเห็นโอกาสของธุรกิจหลากหลายสาขา
    ไม่ว่าจะเป็น การผลิตไฟฟ้าที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนด้วยพลังงานลม
    หรือจะเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ที่จะเปลี่ยนทั้ง EV Supply Chain
    รวมทั้ง การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยอุตสาหกรรมอาหาร และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้น นั่นเอง

    9. แล้วเราจะเข้าถึงโอกาสการลงทุนในบริษัทเหล่านี้ได้อย่างไร ?

    กองทุน B-SIP เป็นหนึ่งกองทุนเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในพลังงานสะอาดโดยตรง และมีจุดเด่นด้วยสไตล์การลงทุนของกองทุนบัวหลวง ที่จะเฟ้นหาธุรกิจดีมีคุณภาพและเติบโต ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากกองทุนอื่นทั่วไป นั่นคือ

    1. เน้นลงทุนธุรกิจรักษาสิ่งแวดล้อม ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคตที่เรียกว่า Green and Great Return นั่นเอง

    2. มองว่าเทรนด์รักษาสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด จะเป็น Megatrends ของโลกที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น จึงเชื่อว่า Theme นี้มีความน่าสนใจและสามารถลงทุนระยะยาวได้

    3. เปลี่ยนภาพจำว่า การลงทุนในพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นน่าเบื่อหรือหุ้นโครงสร้างพื้นฐานเสมอไป

    เพราะการลงทุนของ B-SIP ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเติบโต มีนวัตกรรม มีเทคโนโลยี และยังคำนึงถึงการประเมิน Valuation ด้วย

    ถ้าฉายภาพใหญ่ ๆ ก็คือ กองทุน B-SIP จะลงทุนทั้งในฝั่ง Global Environmental Opportunities และ Clean Energy นั่นเอง

    โดยฝั่ง Global Environment จะมีสัดส่วนธุรกิจเทคโนโลยี 40% นอกจากนั้นจะเป็นบริษัทอุตสาหกรรม, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มเคมีภัณฑ์
    ซึ่งจะมีรูปแบบลงทุน Active Management เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า

    ส่วนในฝั่งของพลังงานสะอาด จะมีสัดส่วนธุรกิจเทคโนโลยี 48% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรม EV ทั้ง Supply Chain ราว 33% ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทฝั่งสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพราะเป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

    เช่น Orsted ธุรกิจพลังงานลมนอกชายฝั่งมากว่า 10 ปี มีเทคโนโลยีน่าสนใจ และยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก

    ทั้งหมดนี้ จึงสะท้อนได้ว่า กองทุน B-SIP เป็นอีกหนึ่งช่องทางลงทุนใน Theme พลังงานสะอาดที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้แบบ Green and Great Return นั่นเอง..

  • การขนส่ง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答

    2021-09-09 11:00:23
    有 962 人按讚

    กรณีศึกษา Ben Ali ประธานาธิบดีตูนิเซีย กินรวบประเทศ จนโดนปฏิวัติ /โดย ลงทุนแมน
    รู้หรือไม่ว่า “อาหรับสปริง” การลุกฮือต่อต้านรัฐบาลในช่วงปี 2011 ของกลุ่มประเทศอาหรับ ไล่มาตั้งแต่อียิปต์ ลิเบีย เยเมน บาห์เรน ไปจนถึงการเกิดสงครามกลางเมืองที่ซีเรีย ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากการปฏิวัติในประเทศเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกาที่มีชื่อว่า “ตูนิเซีย”

    สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การปฏิวัติตูนิเซียนี้
    เกิดขึ้นโดยปราศจากผู้นำการปฏิวัติ และไม่ได้มาจากประเด็นทางการเมือง
    แต่เป็นเรื่องของการว่างงานและสภาวะเศรษฐกิจที่ผลักดันให้ประชาชนในประเทศรวมตัวกันลุกขึ้นมาปฏิวัติ โดยมีจุดเริ่มต้นจากประธานาธิบดีของตูนิเซียที่มีชื่อว่า Ben Ali

    เกิดอะไรขึ้นที่ตูนิเซีย ภายใต้การปกครองของ Ben Ali จนนำไปสู่การปฏิวัติในประเทศ ?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    สาธารณรัฐตูนิเซีย เป็นประเทศอาหรับมุสลิมในแอฟริกาเหนือ ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีขนาดพื้นที่ราว ๆ 160,000 ตารางกิโลเมตร พอ ๆ กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

    ตูนิเซียมีประชากรเพียง 12 ล้านคน มากกว่า 90% นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี แต่เนื่องจากเคยถูกปกครองโดยฝรั่งเศสมาก่อน ทำให้มีการใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการควบคู่ไปกับภาษาอารบิก

    ประกอบกับผู้คนที่มีหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกัน ทำให้วัฒนธรรมจะเป็นการผสมผสานระหว่างอาหรับและยุโรป

    ในอดีตประเทศตูนิเซียนั้นถูกปกครองโดยประธานาธิบดี Habib Bourguiba ซึ่งปกครองตูนิเซียมายาวนานตั้งแต่ได้รับอิสรภาพจากฝรั่งเศสในปี 1956

    แต่การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ทั้งเศรษฐกิจและสังคมของตูนิเซียกลับเกิดขึ้นหลังจากการมาถึงของชายที่ชื่อว่า Ben Ali

    Zine al-Abidine Ben Ali หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Ben Ali
    ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีตูนิเซียนั้น เขาเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมามากมาย

    ทั้งหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เอกอัครราชทูต รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ รัฐมนตรีมหาดไทย
    จนในปี 1987 เขาได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของตูนิเซีย โดยถือได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและทรงอำนาจอย่างมากในรัฐบาลตูนิเซีย

    ซึ่งในขณะนั้นประธานาธิบดีคนแรก Habib Bourguiba กำลังป่วยหนักและหลายฝ่ายเห็นว่าไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป

    Ben Ali จึงได้ทำการรัฐประหารโดยสันติและปลด Bourguiba ออกจากตำแหน่ง จากนั้นจึงแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่สองของตูนิเซียในปี 1987

    หลังจากที่ Ben Ali ได้ขึ้นมาปกครองประเทศ เขาพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ให้การบริหารประเทศของเขาเป็นรูปแบบของประชาธิปไตยตามเสียงเรียกร้องของผู้คนในประเทศ

    โดยได้ดำเนินการหลากหลายมาตรการ เช่น
    - การเปลี่ยนชื่อพรรคการเมืองของตัวเองจาก Neo-Destour Party เป็น Democratic Constitutional Rally
    - การเปิดให้ประชาชนสามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้
    - การยกเลิกระบบพรรคการเมืองเดียว
    - การปล่อยนักโทษทางการเมืองซึ่งได้รับผลกระทบจากการปกครองของประธานาธิบดีคนเก่า

    แม้การเลือกตั้งใหม่ในปี 1989 มีขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปกครองประเทศ และพรรคของเขาเองก็ได้ที่นั่งในสภามากกว่า 80% แต่ Ben Ali ก็ได้เริ่มจุดไฟแห่งความขัดแย้งขึ้น

    Ben Ali เริ่มการจับกุมแกนนำและนักกิจกรรมของฝ่ายตรงข้ามที่เขามองว่ามีแนวโน้มจะได้รับความนิยมในอนาคต

    นอกจากนี้ยังมีรายงานการคุกคามนักกิจกรรมทางการเมืองที่เรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งการข่มขู่และทรมานจากภาครัฐ รวมถึงการบังคับให้ลี้ภัยไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ยังมีการแก้กฎหมายเลือกตั้งให้เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายตนเอง ส่งผลให้การเลือกตั้งที่จัดขึ้นหลังจากนั้น เขาได้รับคะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย ไร้คู่แข่งที่จะมาเทียบเคียง

    โดยการเลือกตั้งในปี 1999 Ben Ali มีคู่แข่งเพียง 2 คนเท่านั้น และฝ่ายค้านไม่เคยได้ที่นั่งในสภาเกิน 25% เลยแม้แต่ปีเดียว

    จนสุดท้ายแล้วตูนิเซียภายใต้การปกครองของ Ben Ali มีลักษณะทางการเมืองแทบไม่ต่างจากยุคของประธานาธิบดีคนก่อน ที่ถูกเรียกว่าเป็นระบอบเผด็จการ

    นอกจากการแก้กฎหมายเพื่อความมั่นคงของตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
    อีกเรื่องหนึ่งที่เขาทำในระหว่างที่อยู่ในอำนาจ คือการเอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง
    โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่อยู่ในเครือข่ายของเขา

    ในฉากหน้านั้น Ben Ali ได้ปรับปรุงระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ทันสมัยขึ้น
    ทั้งการแก้กฎระเบียบต่าง ๆ ให้ผ่อนคลายลงจากสมัยอดีตประธานาธิบดีคนเก่า
    การปรับโครงสร้างและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

    ส่งผลให้ตลอดระยะเวลาที่ Ben Ali อยู่ในอำนาจนั้น ตูนิเซียมีอัตราการเติบโตของ GDP ไม่น้อยกว่า 5% มาโดยตลอด และระบบเศรษฐกิจของตูนิเซียโดดเด่นและเติบโตเร็วกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน
    จนแม้แต่ IMF และธนาคารโลกยังเคยยกย่องให้ตูนิเซียเป็นแบบอย่างสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

    ทว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ไม่ได้ไปถึงประชาชนในประเทศ
    แต่กลับตกอยู่ในมือเครือข่ายของ Ben Ali

    Ben Ali มีเครือข่ายธุรกิจกระจายตัวอยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศ
    โดยมีการตรวจพบว่ามีบริษัทกว่า 220 บริษัทที่อยู่ในเครือข่ายดังกล่าว

    ซึ่งมีทั้งธุรกิจสายการบิน โทรคมนาคม การขนส่ง การเงินและธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านอาหารและอื่น ๆ อีกมาก และนาย Ben Ali ก็ได้เอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง โดยการออกกฎหมายเพื่อกีดกันทางการค้า และกำจัดคู่แข่งทางธุรกิจ ส่งผลให้มีการทุจริตคอร์รัปชันโดยเจ้าหน้าที่รัฐกระจายอยู่ทั่วประเทศ

    โดยตั้งแต่ปี 1994 นาย Ben Ali ได้ออกกฎระเบียบและข้อบังคับกว่า 25 ฉบับ เพื่อเอื้อผลประโยชน์ต่อเครือข่ายธุรกิจของตน ซึ่งในบางธุรกิจถ้าไม่มีชื่อของเครือข่าย Ben Ali อยู่ในบริษัท ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ

    อย่างเช่นกรณีเชนร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง McDonald’s ที่ได้มอบสิทธิ์แฟรนไชส์ให้กับพาร์ตเนอร์ที่ไม่ใช่เครือข่ายของ Ben Ali สุดท้ายแล้วภาครัฐก็ได้ปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าว และ McDonald’s ก็ต้องยอมถอยออกจากตลาดไป

    หรืออีกกรณีหนึ่งคือการผูกขาดระบบโทรคมนาคมของประเทศ
    ราคาค่าบริการโทรระหว่างประเทศที่ผู้บริโภคต้องจ่ายมีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน 10-20 เท่า
    ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็เป็นรายได้เข้ากระเป๋ากลุ่มบริษัทในเครือข่ายของนาย Ben Ali

    จากการออกข้อกฎหมายที่ยากต่อการแข่งขันและทำให้เกิดการผูกขาดทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้การเติบโตของภาคเอกชนในประเทศกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มเครือข่ายของนาย Ben Ali

    โดยจากรายงานของธนาคารโลกระบุว่า เครือข่ายของนาย Ben Ali ที่มีกว่า 220 บริษัท
    มีผลกำไรคิดเป็น 21% ของภาคเอกชนทั้งหมดภายในประเทศ
    และมีมูลค่าบริษัทประมาณ 4.22 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่า 1 ใน 4 ของ GDP ประเทศในปี 2010

    เมื่อการกระจายความเติบโตของเศรษฐกิจไม่ทั่วถึง
    ส่งผลให้ตูนิเซียมีอัตราการว่างงานที่สูงมาก สวนทางกับ GDP ที่เติบโตต่อเนื่อง

    บวกกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งการส่งออก ภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว

    ทำให้ตูนิเซียมีอัตราการว่างงานของคนวัยหนุ่มสาวสูงถึง 30% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกมีเพียง 15% เท่านั้น

    สุดท้ายแล้วเมื่อเศรษฐกิจภายในประเทศถูกผูกขาดด้วยคนบางกลุ่ม ทำให้สินค้าหลายอย่างมีราคาสูง
    บวกกับอัตราการว่างงานในประเทศที่ยากเกินกว่าจะแก้ไข ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนจึงเพิ่มมากขึ้นในตูนิเซีย

    จนในที่สุดความอดทนของประชาชนในประเทศก็หมดลง..

    หนุ่มชาวตูนิเซีย Mohamed Bouazizi อายุ 27 ปี ตัวเขาเรียนไม่จบและต้องออกมาขายผลไม้เพื่อช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขามักจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสินบนและริบสินค้าของเขาอยู่หลายครั้ง

    จนกระทั่งในวันที่ 17 ธันวาคม 2010 เจ้าหน้าที่ได้ยึดสินค้าและอุปกรณ์ในการค้าขายของเขา โดยอ้างว่าเขาไม่มีใบอนุญาตสำหรับขายผลไม้ในพื้นที่ และมีพยานในเหตุการณ์กล่าวว่าเขายังถูกเจ้าหน้าที่ตบเข้าที่หน้าอีกด้วย

    Bouazizi ได้ไปร้องเรียนที่สำนักงานเทศบาลในเมือง Sidi Bouzid แต่กลับไม่มีใครรับฟังข้อร้องเรียนของเขา Bouazizi จึงราดน้ำมันและจุดไฟเผาตัวเองทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเดือนมกราคม ปี 2011

    หลังจากการเผาตัวเองของ Bouazizi เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างเช่น Facebook และ Twitter ซึ่งยากต่อการควบคุมและตรวจสอบโดยภาครัฐ

    ทำให้ไม่กี่วันหลังจากนั้นมีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนและโกรธแค้นรัฐบาล โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวในขณะนั้น ซึ่งเกือบทั้งชีวิตของพวกเขาเติบโตมาภายใต้การปกครองของ Ben Ali

    คนหนุ่มสาวได้ออกมาชุมนุมประท้วงในเมือง Sidi Bouzid จำนวนมากและจากการประท้วงในท้องถิ่น จนกลายเป็นระดับภูมิภาคและแพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว

    Ben Ali ได้ออกประกาศตำหนิผู้ประท้วงและใช้กำลังในการปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

    จึงมีภาพการปราบปรามผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐถูกเผยแพร่ออกไปในสื่อออนไลน์ทั่วโลก

    เมื่อแรงกดดันเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายแล้ว Ben Ali จึงได้ประกาศจะไม่ลงเลือกตั้งอีกหลังจากหมดวาระในปี 2014 และจะให้เสรีภาพรวมถึงดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง

    แต่ตัวเขากลับปฏิเสธว่าตำรวจไม่ได้ยิงใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะขัดแย้งกับภาพที่อยู่บนสื่อออนไลน์ ทำให้การชุมนุมแผ่ขยายมากขึ้นไปอีก

    Ben Ali ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและออกคำสั่งให้ทหารใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมที่ต่อต้าน แต่ทหารปฏิเสธคำสั่งดังกล่าว เมื่อเห็นว่าตัวเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป Ben Ali จึงหนีออกนอกประเทศและลี้ภัยในประเทศซาอุดีอาระเบีย

    เมื่อ Ben Ali พ้นจากตำแหน่ง ศาลธรรมนูญวินิจฉัยให้นาย Fouad Mebazaa ประธานรัฐสภาดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี

    นาย Fouad Mebazaa จัดตั้งรัฐบาลโดยแต่งตั้งผู้ที่เคยอยู่ในระบอบเก่า และภักดีกับอดีตประธานาธิบดี Ben Ali เป็นรัฐมนตรีกระทรวงที่สำคัญ

    เมื่อรายชื่อคณะรัฐมนตรีประกาศออกมา จึงเกิดความไม่พอใจอย่างมากตามมา ฝ่ายค้านลาออกจากรัฐสภา, เยาวชนหนุ่มสาวออกมาประท้วงอีกครั้ง และเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ในที่สุด ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรักษาการชุดนี้ก็ต้องลาออก

    การจัดตั้งคณะรัฐบาลรักษาการเกิดขึ้นอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีรักษาการคนใหม่สั่งการให้จับกุม, สอบสวน และดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่พรรคของรัฐบาล ครอบครัวและญาติของอดีตประธานาธิบดี Ben Ali

    รวมทั้งดำเนินการยุบพรรคและยึดทรัพย์สินของพรรค ขณะเดียวกันก็ประกาศปล่อยนักโทษการเมือง และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในปลายปีนั้นเอง

    เรื่องราวทั้งหมดนี้นอกจากจะสะท้อนความล้มเหลวในการบริหารประเทศและการทุจริตคอร์รัปชันจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและนำไปสู่การปฏิวัติแล้ว

    ในวันที่ Mohamed Bouazizi จุดไฟเผาตัวเองเพียงคนเดียว
    แต่เรื่องราวของเขาบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็ได้ปลุกให้ผู้คนทั่วประเทศ
    ต่างมารวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาล จนบานปลายเป็น “อาหรับสปริง” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกกล่าวถึง..

    เหตุการณ์นี้ยังเป็นกรณีศึกษาชั้นดี ของอิทธิพลจากสื่อโซเชียลมีเดีย
    ยิ่งสื่อเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าหากัน ภายในเวลาอันรวดเร็วเท่าไร
    ก็ยิ่งทำหน้าที่เผยแพร่ “สิ่งที่พยายามปกปิด” ออกไปสู่สาธารณชน
    ในเวลาอันรวดเร็วได้เท่านั้น

    ในยุคที่มีคนโจมตีความน่ากลัวของโซเชียลมีเดีย ว่าจะทำให้เกิดข่าวปลอมเผยแพร่ได้โดยง่าย
    แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ข่าวจริงที่ถูกปิดไว้ ถูกเผยแพร่ได้ง่ายขึ้น เช่นกัน..
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - facebook.com/longtunman
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
    Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
    Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
    References:
    -https://www.washingtonpost.com/news/monkey-cage/wp/2014/03/27/tunisias-golden-age-of-crony-capitalism/
    -https://openknowledge.worldbank.org/bitstream/handle/10986/17726/WPS6810.pdf?sequence=1&isAllowed=y\
    -https://www.aljazeera.com/news/2020/12/17/bread-and-gas-economic-boost-needed-after-arab-spring
    -https://www.wider.unu.edu/publication/youth-unemployment-arab-world
    -https://www.pewresearch.org/journalism/2012/11/28/role-social-media-arab-uprisings/
    -https://www.silpa-mag.com/history/article_55976
    -https://www.aljazeera.com/features/2011/1/26/how-tunisias-revolution-began
    -https://www.dw.com/en/zine-el-abidine-ben-ali-the-robber-baron-of-tunisia/a-50501648
    -https://www.britannica.com/event/Jasmine-Revolution
    -https://theconversation.com/ben-ali-the-tunisian-autocrat-who-laid-the-foundations-for-his-demise-124786
    -https://www.theatlantic.com/technology/archive/2011/09/so-was-facebook-responsible-for-the-arab-spring-after-all/244314/

  • การขนส่ง 在 Facebook 的最佳解答

    2021-09-06 14:21:26
    有 13 人按讚

    ธุรกิจที่ปิด Painpointได้ ไม่ต้องหมด แค่มากกว่าคู่แข่ง ก็ชนะแล้ว

    ที่ปิด pain point หมดไม่ได้ เพราะ

    1.อีกหน่ยอจะไม่มีมุกอื่นมาขายของต่อ
    2.ความต้องการคน ไม่มีวันหมด

    นึกถึงสมัยก่อนดิ คุณภาพชีวิตคนลำบากกว่านี้มาก เอาแค่เรื่องอาหาร จะมากินฟู่ฟ่า อาหารสวยงาม มีพร้อมจัดจาน มาจากแดนไกลสุดขั่วโลก ถ้าไม่ได้มีอำนาจ เงินทอง ไม่มีทางได้กินแบบนี้ จะกินปลาแซลม่อนย่าง โน่นออกเรือไปจับ เอง ไม่ ก็ต้องเลี้ยงเอง เอามาฆ่า เอามาปรุงอาหาร ไม่นับ ดินฟ้า อากาศ การขนส่ง

    แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทั้งการเก็บการขนส่ง ต่อมาเดินไปซื้อกินร้านแถวบ้านก็ได้ ถ้าไกลหน่อย โทรไปสั่ง ให้ที่ร้านมาส่ง และทุกวันนี้ จิ้มกดๆจากหน้าจอ

    เทคโนโลยีจริงๆแล้วก็คือ กระบวนการนำทรัพยากร มาสนองความต้องการเราน่ะแหละ ก้าวหน้ามาก ก็คือ ตอบสนองได้มาก ซับซ้อนขึ้น โดยที่ผ่านมา เทคโนโลยีคิดมาแต่ด้านความต้องการผู้บริโภคด้านเดียว ไม่มองรอบด้าน ปัญหาจากการสร้างเทคโนโลยีที่แก้ painpoint ต่อมาก็ส่งผลตีกลับ

    Start up ทั้งหลาย ที่พยายามทำทุกนวตกรรม มาแก้ปัญหา แต่ปัญหา มันไม่มีวันหมด แก้อันนี้ได้ ความต้องการอย่างอื่น เพิ่มไปอิกๆ และสิ่งที่แย่กว่า คือแก้ปัญหาอันนึง แต่กลับไปปสร้าง ปัญหาอื่นที่ใหญ่กว่า เช่น ขยะพลาสติก ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งหลายในทุกวันนี้

    ความสะดวกสบายของเราในอนาคต น่าจะถึงขั้นสั่งอาหารได้ด้วยจิตนะ แค่คิด พิซซ่าก็มาแล้ว หรือ แค่คิด ก็อิ่มเลย เหมือน อิ่มทิพย์แบบเทวดาในสวรรค์ แต่นั่นจะทำให้สุดท้ายเราเป็นง่อย รึป่าว

    ไม่ง่อยหรอก ชั้นเถียงกับตัวเอง เราก็ไปเข้าฟิตเนส ออกกำลังกายไง

    ที่บางทีก็งง เรายอมจ่ายเงิน เพิ่มความสบาย จากการไม่ต้องออกไปล่าสัตว์ แต่มาเสียเงิน ให้คนมาบังคับ หรือ บังคับตัวเองให้แบกของหนัก ออกแรงอย่างเหน็ดเหนื่อย หอบแดก ที่ฟิตเนส แล้วได้กลับมาแค่สุขภาพอย่างเดียว แทนที่จะได้แบกข้าวสารเข้าบ้าน ได้ทั้งงาน ได้ทั้งข้าว ได้ทั้งออกกำลังกายไปในตัว หรือ ในอนาคตจะมีแพลทฟอร์มคล้ายๆแกร็บที่รับสมัครให้คน อยากออกกำลังกาย และได้เงินด้วย ลงจำนวนเวลา และ ชม.ที่ตัวเองอยากทำ แล้วไปแมช กับคนที่มีงาน ... อ่ะขอโทษที่พาออกทะเล

    เราเลยต้องมาตั้งคำถามว่า ความเจริญจริงๆแล้วคืออะไร มันควรต้องเป็นยังไง ความเจริญ นำมาซึ่งความสุขจริงหรือ? และความสุขเหล่านี้ เป็นประโยชน์ หรือ เป็นโทษมากกว่ากัน

    ถ้านิพพานคือ ความสุขยาวนานตลอดไป คุณคิดว่า ในนิพพานนั้น คือ ที่ๆ เราแก้ ปิด painpoint ได้ทุกปัญหา สมปรารถนาทุกความต้องการ หรือ เข้าใจ เห็นคุณค่าทุกสิ่งเป็นธรรมดา ยอมรับในธรรมชาติของมัน

    Painpoint มันเป็นปัญหา เพราะมัน pain จริงๆ หรือ เพราะความต้องการของเรา

    ที่โลกมันมาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ว่าจะโอกาส หรือ ปัญหา มันมาจาก วิธีคิด และทางเลือกของเราทั้งนั้น ในฐานะผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่มีความรู้มากมายเธอจะเลือกอะไร

  • การขนส่ง 在 PHOLFOODMAFIA Youtube 的精選貼文

    2020-07-06 18:00:04

    GoodDiet https://www.pholfoodmafia.com ในช่วงของการกักตัวก็มีหลายๆคนลุกขึ้นมาทำอาหาร และได้ตกใจกับของในตู้กับข้าวเมื่อเจอคำว่าหมดอายุและควรบริโภคก่อน สรุปแล้วทานได้หรือไม่ได้อย่างไร มาค้นหาคำตอบกัน สองคำนี้แค่ฟังก็ดูแตกต่างกันแล้ว ซึ่งก็แตกต่างกันจริงๆ คำว่าหมดอายุ จะพูดถึงความปลอดภัย ลักษณะของอาหารที่ใช้คำนี้ก็จะเฉพาะกลุ่ม เช่น นมเด็ก จะไม่มีการเขียนว่าควรบริโภคก่อน เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มบอบบาง หมดอายุคือไม่ปลอดภัยในการบริโภคแล้วนั่นเอง แค่คำว่าควรบริโภคก่อน หรือ Best Before แปลว่าถ้ากินก่อนวันที่ที่เขียนไว้บนแพ็กเกจจิ้ง คุณจะได้รสและสภาพตามที่เขาเคลมไว้ แต่หลังจากนั้นคุณลักษณะอาจจะเปลี่ยน เช่น สีเปลี่ยน รสสัมผัสนุ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่นพีชในขวดแก้ว หลังวันที่ Best Before พีชนั้นยังกินได้อยู่ แต่สีพีชจะคล้ำขึ้นเล็กน้อย รสสัมผัสจะนุ่มขึ้นจะไม่กรอบ พบบ่อยในอาหารกระป๋อง เช่น สับปะรดกระป๋อง แบบที่พึ่งผลิตออกมาจากโรงงานจะมีสีเหลืองกรอบ แต่ถ้าผ่านไปสักสองปีตามเวลาส่วนใหญ่ของอาหารกระป๋อง สับปะรดจะเริ่มคล้ำและนุ่ม ถามว่าทานได้หรือไม่ ยังทานได้อยู่เพียงแต่คุณภาพลดลง สรุปก็คือ วันหมดอายุเป็นเรื่องของ Safety ส่วน Best Before เป็นเรื่องของ Quality แล้วถ้าเกิดเผลอทานอาหารในวันนั้นๆที่หมดอายุเลยถือว่าอันตรายหรือไม่ คำตอบคือแล้วแต่ชนิด แต่ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แม้ว่าจะเลยวันหมดอายุแล้วแต่ถ้ายังไม่เปรี้ยวหรือยังไม่ขมก็จะถือว่าปลอดภัยอยู่ โดยทั่วไปเท่าที่ทราบจากผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างจะต้องมีการศึกษาอายุสูงสุดของผลิตภัณฑ์ โดยจะศึกษาผลิตภัณฑ์เป็นระยะ เช่น 6 เดือน 1 ปี เพื่อดูว่าคุณภาพลดลงหรือไม่ ความจริงแล้วอาจจะอยู่ได้นานสุดถึง 2 ปี แต่อย.จะมีกำหนดว่านานไปหรือไม่ ก็ให้เปลี่ยนเป็น 1 ปีครึ่ง ถ้าเราดูแล้วลักษณะไม่เปลี่ยน เช่น น้ำมันไม่เหม็นหืน แคร็กเกอร์หรือถั่วไม่หืน ก็ยังใช้งานได้ เกิดหืนขึ้นมาไม่น่ากินแล้วคนส่วนใหญ่ก็คงทิ้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นอายุพวกนี้ยังขึ้นกับการเก็บของผู้จำหน่าย การขนส่ง การเก็บของเราด้วย ปกติจะมีคำแนะนำที่ผลิตภัณฑ์ เช่น เก็บในที่แห้ง ไม่ให้ถูกแดด บ่อยครั้งที่ผลิตภัณฑ์ทานไม่ได้แม้จะยังไม่ถึงควรบริโภคก่อนหรือวันหมดอายุ สรุปแล้วเราต้องใช้วิจารณญาณนั่นเอง ถ้าเก็บดีก็อาจจะยังทานได้หลังวันหมดอายุสัก 1-2 วันก็เป็นได้ ถ้าเกิดเราไม่มั่นใจยังสามารถโทรไปถามตามเบอร์บริษัทบนแพ็กเกจจิ้ง บางทีเขาอาจมีคำตอบให้ก็เป็นได้

    สินค้าต่างๆถ้าเลยวันหมดอายุหรือวันควรบริโภคตามกฎหมายแล้วไม่สามารถวางบนชั้นวางสินค้าได้ เพราะฉะนั้นร้านค้าจึงชอบนำสินค้าที่ใกล้ถึงวันนั้นๆมาลดราคาเยอะๆ แต่ก็มีบางร้านที่นำแพ็กเกจจิ้งออกแล้วนำมาวางขาย เราก็ต้องระวังในส่วนนี้ ตามกฎหมายแล้ว อย.จะส่งคนไปตรวจตามร้านค้าด้วย หรือถ้าเราเจอสินค้าหมดอายุวางขายก็สามารถโทรแจ้งอย.หรือสาธารณะสุขจังหวัดได้

    สรุปแล้วทานได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะที่พึงประสงค์เท่าที่เรารับได้ เช่น พีชที่ยกตัวอย่างไป ถ้านิ่มมากจนรู้สึกว่าไม่อร่อยแล้วก็ทิ้ง จริงๆแล้วอยากแนะนำให้หมั่นตรวจเช็คของที่มีอยู่ในบ้าน อะไรซื้อมาก่อนให้กินก่อน ก่อนไปตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ดูของในบ้านว่าเรามีแล้วหรือยังไม่เช่นนั้นอาจเผลอซื้อมาเพิ่มแล้วทานไม่ทันได้ แล้วของที่มีอยู่ในบ้านควรคิดว่าจะเอามาทำอะไรกินดีไว้ก่อนเลย ขยะอาหารก็เกิดมาจากเหตุผลเหล่านี้ แล้วพวกซุปเปอร์มาร์เก็ตจัดการกับอาหารพวกนี้อย่างไร ในสมัยหนึ่งเขาเอาไปทิ้ง แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่จะเอาออกมาลดราคาตอนใกล้หมดอายุ แล้วผู้บริโภคอย่างเราควรซื้อหรือไม่ คำตอบคือต้องดูจากลักษณะของอาหาร ว่าอาหารชนิดนี้พอใกล้หมดอายุแล้วคุณภาพจะเปลี่ยนไปมากหรือไม่ อะไรที่มีไขมันเยอะควรหลีกเลี่ยงเพราะจะเหม็นหืนง่าย ส่วนอะไรที่เป็นของแห้งอาจจะซื้อได้ เช่น พวกเครื่องปรุง ยกตัวอย่างเช่น ข้าว ถ้าเป็นข้าวสารขาวกับข้าวกล้อง ข้าวกล้องจะเหม็นหืนเร็วกว่าเพราะยังมีจมูกข้าวที่เป็นไขมันเยอะกว่า แต่ข้าวขาวถ้าเก็บจะเก็บได้นานกว่า หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนมีการใช้วิจารณญาณมากขึ้น อาจจะทำให้ขยะอาหารน้อยลง และอยากให้ซื้อให้พอดีกับการบริโภคของเรา อย่าสะสมอาหารในบ้านให้กลายเป็นขยะ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซื้อกินซื้อใช้อย่างพอดี

    @PHOLFOODMAFIA
    เมื่อมาถึงวัน...หมดอายุ และควรบริโภคก่อน อาหารต้องกลายเป็นขยะหรือ เราใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพหรือยัง ค้นหาคำตอบเพื่อความยั่งยืน

    #GoodDiet #พลพรรคนักปรุง #สอนทำอาหาร #สูตรอาหารอร่อย #pholfoodmafia #pholfoodmafianetwork #gooddiet
    ติดตามได้ที่?? https://www.youtube.com/user/PHOLFOODMAFIA?sub_confirmation=1

    รายการพลพรรคนักปรุงสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่
    Facebook ✅https://www.facebook.com/pholfoodmafia
    Instagram ✅https://www.instagram.com/pholfoodmafia
    Twitter ✅https://twitter.com/Pholfoodmafia

  • การขนส่ง 在 Pai91.5 Resort Youtube 的精選貼文

    2020-03-31 12:08:10

    #มะม่วงเบาลอยแก้ว #ไม่ง่ายอย่างที่คาด #ยากกว่าที่คิด
    ******สามารถสั่งมะม่วงเบาลอยแก้วได้แล้วครับ*****
    *****ไลน์ ไอดี : pai91.5
    ราคามะม่วงเบาลอยแก้วกิโลกรัมละ 350.-ไม่รวมค่าขนส่ง
    ค่าขนส่ง1-2กก.ราคาเดียวกันครับ 100.-บาทครับ

  • การขนส่ง 在 Singha ha Channel Youtube 的最佳貼文

    2020-02-07 19:43:12

    สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่ สิงหา ชาแนล ในวันนี้พี่สิงจะพาไปดู สุดยอดอลังการงานขนส่ง ที่น่าทึ่งที่สุดในโลก EP.2
    .....Music....
    Music: Epic Motivation - AShamaluevMusic.
    Music Link: https://youtu.be/FM57HsyMMnc
    -------------------------------------------------------------------------
    Music Info: Epic Cinematic Dramatic Adventure Trailer by RomanSenykMusic.
    Music Link: https://youtu.be/c-XpTMGPQvI
    ------------------------------------------------------------------------
    Track: Sekai - Burn Me Down [NCS Release]
    Music provided by NoCopyrightSounds.
    Watch: https://youtu.be/2vFA0HL9kTk
    Free Download / Stream: http://ncs.io/BurnMeDown
    ----------------------------------------------------------------------
    Song: Ship Wrek, Zookeepers & Trauzers - Vessel [NCS Release]
    Music provided by NoCopyrightSounds.
    Watch: https://youtu.be/PXf4rkguwDI
    Download/Stream: http://ncs.io/VesselCr
    ---------------------------------------------------------------------
    Music: Burnt - Jingle Punks https://youtu.be/oo6eUeBc7VI

你可能也想看看

搜尋相關網站